เมื่อวันที่ 22 ก.ค. ดร.สุภัทร จำปาทอง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ตนกำลังเขียนโครงการมาตรการช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในการเรียนรู้ เพื่อบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายต่างๆ ของนักเรียน ครู และผู้ปกครองในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 เพื่อเสนอให้สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติพิจารณา เพื่อนำสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบในวันที่ 27 ก.ค.นี้ โดยมาตรการความช่วยเหลือต่างๆยืนยันว่าจะเป็นการลดภาระให้แก่นักเรียน ผู้ปกรอง ครู และสถานศึกษาอย่างแน่นอน จะครอบคลุมไปถึงโรงเรียนสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) โรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัย และโรงเรียนในสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถชี้แจงรายละเอียดมาตรการที่ชัดเจนได้ เนื่องจากอยู่ระหว่างการจัดทำแผนงาน เพื่อให้เกิดความสมบูรณ์มากที่สุด

“ขณะนี้ผมเพิ่งหารือร่วมกับผู้แทนโรงเรียนเอกชนทุกประเภทและสมาคมการศึกษาโรงเรียนเอกชน ซึ่งมีข้อเสนอแนะในการแก้ไขปัญหาอย่างหลากหลาย โดยเฉพาะประเด็นค่าธรรมเนียมการศึกษาและค่าเทอม ซึ่งส่วนหนึ่งยอมรับว่าเห็นใจโรงเรียนเอกชนที่ผู้ปกครองยังค้างค่าเทอมอยู่จำนวนมาก โดยอัตราการจ่ายค่าเทอมของผู้ปกครองอยู่ที่ 30% เท่านั้น ขณะที่โรงเรียนเอกชนยังต้องแบกรับค่าใช้จ่ายที่เป็นค่าจ้างเงินเดือนครู และครูต่างชาติที่เดินทางกลับมาสอนในประเทศไทยและต้องเสียค่าใช้จ่ายในการกักตัวหรือ State Quarantine ด้วย ดังนั้น จะต้องวางแผนแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ให้เป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย” ปลัด ศธ.กล่าว

...

ดร.สุภัทรกล่าวอีกว่า สำหรับสถานการณ์การเปิดภาคเรียน เพื่อให้นักเรียนได้เรียนที่โรงเรียนตามปกตินั้น ศธ.ยังตอบไม่ได้ว่าการเปิดเรียนให้เด็กมาเรียนที่โรงเรียนอย่างเป็นทางการแบบ Onsite จะเป็นเมื่อไหร่ เพราะมาตรการทั้งหมดขึ้นอยู่กับศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ชุดใหญ่เป็นผู้พิจารณา ซึ่งก็เป็นไปได้ว่าหากสถานการณ์การแพร่ระบาดยังไม่ดีขึ้นนักเรียนอาจจะต้องเรียนออนไลน์ทั้งภาคเรียนที่ 1 และภาคเรียนที่ 2 ดังนั้น สิ่งสำคัญที่สุดคือรัฐบาลจะต้องระดมการฉีดวัคซีนให้ประชาชนทุกคนอย่างทั่วถึงเร็วที่สุด.