นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่กระทรวงสาธารณสุขประกาศนโยบายจัดระบบดูแลผู้ป่วยโควิด-19 กลุ่มสีเขียวที่บ้านและในชุมชน สปสช.ได้ดำเนินการเพิ่มรายการค่าใช้จ่ายบริการรองรับและประชุมชี้แจงโรงพยาบาลทั่วประเทศแล้ว นโยบายนี้จะเดินหน้าได้ต้องอาศัยความร่วมมือจากภาคประชาชน ผู้นำชุมชน และอาสาสมัครสาธารณสุข และสร้างความเข้าใจต่อปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งประสานความร่วมมือในการดำเนินการ เพราะจำนวนผู้ติดเชื้อ โควิด-19 จำนวน 3,000-5,000 รายต่อวัน ทำให้เกินศักยภาพโรงพยาบาลในการดูแล จำเป็นต้องให้ชุมชนร่วมดูแลผู้ป่วยกลุ่มสีเขียว เพื่อให้ผู้ป่วยกลุ่มสีแดงได้รับการดูแลอย่างเต็มที่

นายนิมิตร์ เทียนอุดม กรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กล่าวว่า อสส.แกนนำชุมชน ที่ทำงานอยู่ขณะนี้ทราบดีว่าการประสานหาเตียงผู้ป่วยขณะนี้ยากมาก โดยเฉพาะผู้ป่วยสีเขียวและสีเหลือง เมื่อกรมการแพทย์ประกาศแนวทางการดูแลผู้ป่วยกลุ่มสีเขียวที่บ้าน เท่ากับว่ากฎหมายเปิดให้ชุมชนเข้าไปมีส่วนร่วม เรื่องนี้ไม่ใช่การผลักภาระให้ชุมชนดูแล แต่เป็นการขอความช่วยเหลือจากชุมชน ร่วมทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่ในภาวะวิกฤติ โดยมีการจับคู่ระหว่างชุมชนกับโรงพยาบาล เพื่อให้มีการประสานการดูแลผู้ป่วยร่วมกัน หากผู้ป่วยโควิดกลุ่มสีเขียวที่อยู่ที่บ้านหรือในชุมชน ขยับเป็นสีเหลืองเข้ม โรงพยาบาลที่เป็นเครือข่ายจะรับผู้ป่วยเข้าโรงพยาบาลโดยเร็ว หากเตียงเต็มจะมีการประสานไปยังระบบกลางในการจัดหาเตียงให้ เชื่อว่าหลังการจัดระบบในกลุ่มผู้ป่วยโควิดสีเขียวแล้ว จำนวนเตียงจะมากขึ้นเพียงพอรองรับผู้ป่วยจำเป็นต้องเข้ารักษาในโรงพยาบาลได้

ภญ.ยุพดี ศิริสินสุข รองเลขาธิการ สปสช. กล่าวว่า ระบบที่เกิดขึ้นนี้เป็นหนึ่งในนวัตกรรมระบบสุขภาพรูปแบบใหม่ที่เกิดขึ้นในช่วงสถานการณ์โควิด-19 โดยมีชุมชนเป็นฐาน ทั้งนี้ สปสช.ได้เพิ่มรายการเบิกจ่ายสิทธิประโยชน์สนับสนุนดูแลผู้ป่วยโควิดกลุ่มสีเขียวที่บ้านและในชุมชน ภายใต้กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง) นอกจากนี้ยังมีกองทุนหลักประกันสุขภาพในระดับท้องถิ่น (กปท.) เข้ามาร่วมสนับสนุนการจัดระบบการดูแลผู้ป่วยกลุ่มนี้ในชุมชน ซึ่งในเขตพื้นที่ กทม.ยังมีงบประมาณนี้อยู่ ซึ่งชุมชนต่างๆ สามารถนำเสนอโครงการเข้ามาได้ โดยจะมีเครือข่ายภาคประชาชนช่วยให้คำแนะนำในการดำเนินการ ซึ่งจะเป็นส่วนช่วยเติมเต็มงานที่ทางชุมชนทำกันอยู่แล้วให้เกิดความเข้มแข็งยิ่งขึ้น.

...