วันนี้ (15 เมษายน) เป็นวันหยุดวันสุดท้ายของเทศกาลสงกรานต์ 2564 แล้วนะครับ ใครที่ไม่ได้ตีตั๋วลาหยุดไว้สำหรับพรุ่งนี้ (ศุกร์ 16 เม.ย.) คงจะต้องเดินทางกลับ กทม.กันแล้วล่ะ
ยกเว้นท่านที่วางแผนล่วงหน้าลาหยุดพรุ่งนี้อีกวันหนึ่ง...จะได้แถมยาวอีก 3 วัน จนถึงวันอาทิตย์ที่ 18 เม.ย.โน่นเลย
ครับ! ก็ขอต้อนรับกลับสู่ กทม.สำหรับท่านที่ไม่ได้ลาไว้...และก็ขอแสดงความยินดีกับท่านที่ลาต่อ...ขอให้อยู่กับครอบครัวหรือท่องเที่ยวอย่างมีความสุขตลอด 3 วัน อันทรงคุณค่า โดยทั่วหน้ากันนะครับ
สำหรับวันสำคัญที่ซ้อนอยู่กับเทศกาลสงกรานต์ของเรา...นอกเหนือจาก “วันผู้สูงอายุแห่งชาติ” ที่ผมเขียนถึงไปเมื่อวานนี้ ก็ยังมี “วันครอบครัว” อีกหนึ่งวันครับ...คือวันที่ 14 เมษายน หรือเมื่อวานที่ผ่านมานี่เอง
เคยมีนักเขียนท่านหนึ่งเปรียบเปรยไว้ว่า แต่ละครอบครัวของประเทศใดประเทศหนึ่งก็คือ “ชิ้นส่วน” หรือ “อะไหล่” ชิ้นเล็กๆ ที่นำมาประกอบกัน หรือรวมกันเป็นประเทศนั้นๆ
หาก “อะไหล่” หรือ “ชิ้นส่วน” ส่วนใหญ่ของประเทศมีคุณภาพ มีความแข็งแรงคงทนไม่กร่อนง่ายผุง่ายก็ย่อมจะมีผลให้ประเทศนั้นๆเป็นประเทศที่มีคุณภาพ มีความคงทนไม่ผุกร่อนง่ายเช่นเดียวกัน
ประเทศดังกล่าวก็จะสามารถยกระดับขึ้นเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม ประชาชนอยู่เย็นเป็นสุขในที่สุด
สำหรับประเทศไทยเรานั้น เมื่อวัดจากเครื่องชี้วัดด้านเศรษฐกิจและสังคม ก็จะเห็นว่าเราอยู่ระดับกลางๆค่อนข้างไปทางสูง
แปลว่า แม้ประเทศไทยโดยรวมจะมีปัญหาอุปสรรคอยู่พอสมควร แต่ก็ไม่ถึงกับเดือดร้อนแสนสาหัสเหมือนอีกหลายๆประเทศในโลกนี้
...
ดังนั้น เมื่อมองจากคุณภาพของ “ครอบครัวไทย” ซึ่งเปรียบเสมือนชิ้นส่วนหรืออะไหล่ของประเทศอย่างที่ว่า...ก็ต้องถือว่าครอบครัวของเราเป็นอะไหล่ที่อยู่ในขั้นดีพอใช้ จึงสามารถขับเคลื่อนประเทศไทยให้มาอยู่ในระดับกลางๆของโลกได้
แม้ทุกวันนี้เราจะอ่านข่าวพบว่า ประเทศไทยเรามีปัญหาสังคมเกิดขึ้นอยู่เสมอ จนมีผลกระทบไปถึงสถานภาพของครอบครัวไทยอยู่ไม่น้อย
มีรายงานว่าครอบครัวไทยแตกแยกกันมากขึ้น หย่าร้างสูงขึ้น ทิ้งเด็กๆให้อยู่กับผู้สูงอายุ หรือปู่ย่าตายายมากขึ้น ฯลฯ
แต่จากการสำรวจและการศึกษาบางชิ้นที่ผมอ่านพบ...ครอบครัวไทยส่วนใหญ่กว่าร้อยละ 80 ด้วยซ้ำที่ยังอยู่ในระดับเข้มแข็งและมีความอบอุ่น ในระดับมาตรฐาน...แม้จำนวนไม่น้อยจะอยู่ในสภาวะยากจนก็ตาม
นั่นก็แปลว่า ประเทศของเรายังคงมี “ชิ้นส่วน” ที่ “แข็งแรง” ถึง 80 กว่าเปอร์เซ็นต์ ช่วยค้ำจุนอยู่ และเป็นสาเหตุสำคัญที่เราก้าวขึ้นมาได้ถึงระดับ “ประเทศรายได้ปานกลางขั้นสูง” อย่างทุกวันนี้
ถ้าโลกเราไม่เคราะห์ร้ายเพราะโควิด-19 ระบาดจนทำให้เกิดความเสียหายทั้งแก่ชีวิตชาวโลก และเศรษฐกิจโลกขึ้นมาเสียก่อน... ประเทศไทยของเราน่าจะเดินไปได้ไกลกว่านี้อย่างแน่นอน
โควิด-19 ไม่เพียงแต่จะทำให้เศรษฐกิจทั่วโลกถดถอยเท่านั้น ยังส่งผลกระทบใหญ่หลวงมาถึงประเทศไทยเราด้วย
ณ ขณะนี้การระบาดยังคงรุนแรงและไม่แน่ว่าจะหยุดลงเมื่อไร?
ความเสียหายทางเศรษฐกิจซึ่งก็มากอยู่แล้ว จะมากขึ้นไปอีกแค่ไหน จากการระบาดระลอก 3 ยังต้องรอลุ้นกันอีกสักพัก
ปีนี้จึงเป็นปีที่ครอบครัวไทยประสบกับผลกระทบของโรคระบาด และภาวะเศรษฐกิจอย่างหนักหนาสาหัสและนับแสนๆครอบครัวด้วยซ้ำ ที่หัวหน้าครอบครัวตกงานไปเรียบร้อยแล้ว
ดังนั้น ทุกครอบครัวจะต้องรักใคร่กลมเกลียวเป็นหนึ่งเดียวกัน เพื่อฝ่าฟันปัญหาเศรษฐกิจทั้งที่เกิดขึ้นแล้ว และกำลังจะเกิดขึ้น
จะต้องหมั่นให้กำลังใจกัน ปลอบใจกัน และลุ้นไปด้วยกัน
ครับ! ก่อนที่เทศกาลสงกรานต์จะสิ้นสุดลง ผมขอถือโอกาสให้กำลังใจย้อนหลังไปสู่ “วันครอบครัว” แด่ทุกๆครอบครัวทั่วประเทศอีกครั้งหนึ่งในวันนี้
ยิ้มสู้ “ชู 2 นิ้ว” เข้าไว้ (แฮ่ม! แค่ 2 นิ้วนะครับห้ามเกิน) เดี๋ยวทุกอย่างก็จะผ่านไป...และอย่างที่โบราณบอกไว้ “ฟ้าหลังฝน” ย่อมสดใสงดงามเสมอ...หายใจลึกๆกันไว้ทุกๆครอบครัวนะครับ.
“ซูม”