เรื่องของชายผู้มีแต่ผ้าพันกายท่อนล่าง เลี้ยงแพะอยู่กลางป่า ที่มหาดเล็กเอาไปเล่าถวาย กลายเป็นยารักษาโรคให้พระราชาหายประชวร ชื่อเรื่อง เสื้อของชายแสนสุข ผมเล่าให้เพื่อนที่บ่นว่าจนฟัง หลายครั้ง

เจอเรื่อง ชายผู้เก่งทางดูโหงวเฮ้ง...หรือวิชาทำนายนิสัยคนจากรูปลักษณ์ภายนอก...ผมไม่แน่ใจ ว่าชายคนนี้ น่าจะเป็นคนที่มีความสุขยิ่งกว่า (เรื่องคมๆ ความหมายชวนคิด สุริยเทพ ไชยมงคล สำนักพิมพ์ อินสไปร์ พ.ศ.2553)

ชายหนุ่มหัวก้าวหน้าทบทวนจนแน่ใจ วิชาดูโหงวเฮ้งเป็นวิชาที่เหนือกว่าวิชาอื่น เขาจึงดั้นด้นไปหาสำนักอาจารย์ ฝึกฝนวิชานี้อย่างจริงจังถึงหกปี ผ่านการทดสอบด้วยผลคะแนนยอดเยี่ยม ก็เดินทางกลับบ้าน

ระหว่างเดินทาง เขาก็ตั้งใจจะใช้วิชาที่ร่ำเรียนมา กับคนที่เขาสนใจ

ใกล้ค่ำวันนั้น เขาผ่านบ้านเมืองหนึ่ง เจอชายสูงอายุคนหนึ่ง บุคลิก ท่าทีสะดุดใจมาก

ใบหน้าคนคนนี้ เต็มไปด้วยความริษยา มากความเห็นแก่ตัว มากความตระหนี่ถี่เหนียว การเอารัดเอาเปรียบ และไม่มีวี่แววสนใจไยดีผู้อื่น

ในตำราเท่าที่เขาร่ำเรียนมา คนแบบนี้ก็มี จนเขาสงสัย คนแบบนี้มีในโลกนี้จริงหรือ?

เขาจึงตัดสินใจ จะทดสอบด้วยตัวเอง จึงแวะเวียนเข้าไปใกล้ เมื่อสบตากัน ไม่น่าเชื่อว่า แววตาชายคนนั้นเปลี่ยนไป เป็นเต็มเปี่ยมไปด้วยไมตรี

“พ่อหนุ่ม” เสียงนั้นอ่อนโยน “ฟ้าจะมืดแล้ว ไปนั่งพักที่บ้านข้าสักประเดี๋ยวก็ได้”

ชายหนุ่มตั้งใจอยู่แล้ว เขายอมให้ชายคนนั้นจูงมือเข้าบ้านที่อยู่ไม่ไกลเกินไปนัก

“ดื่มชาร้อนๆ สักถ้วย ก่อนเถอะ” เมื่อดื่มน้ำชา ชายหนุ่มเริ่มลังเล หรือว่าวิชาที่เรียนมาจะผิด จนเมื่ออาหารชั้นดี ถูกยกมาเลี้ยงตรงหน้า รสชาติอาหารทำให้เขาหมดศรัทธาวิชาที่เรียนมา คนดีมีน้ำใจยังมีอยู่ไม่น้อย

...

อิ่มหนำสำราญ ชายหนุ่มก็เตรียมเดินทางต่อ ขณะเขาออกปากลา และบอกขอบคุณ

แต่ผิดคาด ชายชรายื่นบิลค่าอาหาร ชายหนุ่มไม่ทันตั้งตัว หลุดปาก “ทำไมแบบนี้ล่ะ”

“แก คิดว่าจะกินฟรี งั้นรึ?” ชายชราผู้อารี เปลี่ยนเป็นพ่อค้า แววตาแข็งกร้าว วาจากราดเกรี้ยว “โลกนี้ จะมีเรื่องยังงี้ได้ยังไง?”

ชายหนุ่มหยิบเงินทั้งหมดออกมาแต่ยังไม่พอ ค่าอาหารมื้อนั้น แพงกว่าราคาที่ควรเป็นสามเท่า เขาถูกข่มขู่ ให้ถอดเสื้อผ้า กระทั่งรองเท้าให้

ขณะเดินทางต่อด้วยเท้าเปล่า เขามีเพียงผ้าผืนเล็กๆพันกาย หนทางกว่าจะถึงบ้านยังอีกยาวไกล แต่เขาเดินไปด้วยความสุข มากกว่าการเดินทางครั้งไหนๆในชีวิต

“ขอบคุณสวรรค์” เขารำพึง “วิชาที่ข้าร่ำเรียนมาหกปี ไม่สูญเปล่าเลยจริงๆ”

เรื่องเล่าเรื่องนี้ จบลงตรงนี้ คนฟังเรื่องเล่าคงอยากถาม คนเก่งวิชาโหงวเฮ้งขนาดนี้ วันนี้ ยังมีอยู่บ้างหรือไม่?

เท่าที่รู้ๆกัน เจ้าสัวคนหนึ่ง มีไว้ใช้เลือกคนระดับผู้บริหาร แล้วก็รวยเอาๆ จนวันนี้ขึ้นเป็นเจ้าสัวหมายเลข 1 ของเมืองไทย

บ้านเมืองเรา มีปัญหากับการหาผู้นำ ที่เก่งที่ดี ไม่ลงตัว สักที

อย่างตอนนี้ มีผู้นำ ที่จำใจหยวนๆว่า “พอไหว” ถ้าเอาปัญหาสู้กับโควิด-19 เป็นตัววัด แต่มีเรื่องให้บ่นๆ เผลอเป็นไม่ได้ มักหลุดคำระคายหูออกมา

คำหยาบนี่ เป็นเรื่องที่เขามีไว้พูดกับคนรักคนชอบกัน แต่ในทางการเมือง เป็นเรื่องให้ถูกจับเป็นจุดอ่อนโจมตี

ใครที่คิดว่าเก่งวิชาโหงวเฮ้ง ขอแรงอาสาใช้วิชาดูผู้นำที่ดีๆที่ลงตัวให้สักคน ถ้าโหงวเฮ้งผ่าน ก็เอาคนที่พูดจาดีพอฟังได้ ผู้ใหญ่ที่ชอบหลุดคำหยาบ ผมกลัวเด็กมันเอาเป็นตัวอย่าง

เคยหลุดกันมาแล้ว คอ วอ ยอ เต็มปาก มาตามแก้ว่า คิด วิเคราะห์ แยกแยะ ผมทำใจแล้วหัวเราะด้วยไม่ไหวเลยจริงๆ.

กิเลน ประลองเชิง