สสส.-สคล. ร่วมกับกรมพลศึกษา นำร่องพัฒนาหลักสูตรอบรมโค้ชฟุตซอลแนวใหม่ หวังเป็นต้นแบบโค้ชสร้างนักกีฬาเยาวชน มุ่งเน้นทักษะชีวิตและห่างไกลปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพ

วันที่ 24 มีนาคม 2564 ที่ศูนย์กีฬากรมพลศึกษา สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติฯ จ.ปทุมธานี สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับกรมพลศึกษา จัดหลักสูตรนำร่องอบรมผู้ฝึกสอนกีฬาฟุตซอลเยาวชน โดยทีมวิทยากรจากกรมพลศึกษาและสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย เพื่อให้ผู้ฝึกสอนพัฒนานักกีฬาฟุตซอลเยาวชนให้มีความรู้ด้านทักษะกีฬาที่ถูกต้อง ส่งเสริมการมีทักษะชีวิตและมีความรอบรู้ด้านสุขภาพ (Health Literacy) เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันจากปัจจัยเสี่ยงทั้งเครื่องแอลกอฮอล์ บุหรี่ และสิ่งเสพติด ซึ่งอยู่ภายใต้กิจกรรมการแข่งขัน SDN FUTSAL NO L CUP 2021 Inspired by Thai PBS

โดยนายธีระ วัชรปราณี ผู้จัดการสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) กล่าวว่า สคล. และ สสส. มียุทธศาสตร์การทำงานที่ให้ความสำคัญกับการป้องกันกลุ่มนักดื่มหน้าใหม่โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กและเยาวชน ซึ่งหนึ่งในแนวทางการดำเนินงานสำคัญคือ การสื่อสารรณรงค์ให้ความรู้ด้านสุขภาพและการเชื่อมประสานเครือข่ายเพื่อสร้างพลังที่เอื้อให้เกิดการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ บุหรี่ และสิ่งเสพติดที่ลดลง การอบรมผู้ฝึกสอนครั้งนี้ให้ความสำคัญกับการปรับเปลี่ยนทัศนคติ เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์เชิงบวกระหว่างผู้ฝึกสอนและเยาวชนมากขึ้น พร้อมทั้งการฝึกสอนเทคนิคและทักษะทางกีฬาร่วมกับการให้ทักษะชีวิตและความรอบรู้เรื่องปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพที่จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเหล้า บุหรี่ และสิ่งเสพติด โดยมีตัวอย่างคือประเทศไอซ์แลนด์ มีมาตรการส่งเสริมให้พ่อแม่ต้องจัดสรรเวลาให้กับเด็กอย่างเพียงพอ มีการจัดสรรงบประมาณในรูปแบบคูปองกิจกรรมเป็นรายหัวต่อปีให้เด็กเยาวชนมีโอกาสเลือกกิจกรรมที่สนใจได้หลากหลาย ซึ่งเป็นการมุ่งเน้นให้ผู้ใหญ่ให้ความสำคัญกับการให้เวลากับเด็ก รวมถึงการสร้างสภาพแวดล้อมและความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัว ซึ่งมีส่วนสำคัญต่อพัฒนาการและการสร้างความมั่นคงทางจิตใจให้กับเด็ก ดังนั้นหากผู้ใหญ่เรียนรู้ที่จะปรับตัวเองให้เป็นตัวอย่างที่ดี เด็กเยาวชนก็จะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในเชิงบวกตามไปด้วย

ด้าน น.ส.รุ่งอรุณ ลิ้มฬหะภัณ รักษาการผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงหลัก สสส. กล่าวว่า จากรายงานสถานการณ์การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในสังคมไทย ปี 2560 โดยศูนย์วิจัยปัญหาสุรา ได้สรุปสาเหตุหลักของการเริ่มดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของผู้เริ่มดื่มครั้งแรกและผู้ดื่มปัจจุบัน พบว่ามีสาเหตุหลักที่เหมือนกัน คือ การดื่มตามเพื่อน อยากทดลองดื่มเอง และการดื่มเพื่อเข้าสังคมหรือเพื่อสังสรรค์ ทั้งนี้ในกลุ่มนักดื่มปัจจุบันโดยเฉพาะในกลุ่มเด็กเยาวชนอายุระหว่าง 15-24 ปี พบว่าสาเหตุหลักของการดื่มคือการดื่มตามเพื่อน ดังนั้นการสนับสนุนให้เกิดพื้นที่หรือกิจกรรมสร้างสรรค์ทดแทนการรวมกลุ่มเพื่อดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ถือเป็นหนึ่งในแนวทางที่จะช่วยลดปัญหาการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในเด็กและเยาวชน รวมถึงการลดแนวโน้มของนักดื่มหน้าใหม่ได้ในอนาคต และยังเป็นการสนับสนุนให้เยาวชนได้พัฒนาศักยภาพและความสามารถในด้านต่างๆ อีกด้วย

นายบุญเลิศ เจริญวงศ์ ผู้ฝึกสอนกีฬาฟุตบอลและฟุตซอล สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย และกรมพลศึกษา กล่าวว่า โค้ชจะมีระเบียบ มีกติกาในการดูแลนักกีฬา ซึ่งจะให้ความสำคัญกับการไม่ดื่มแอลกอฮอล์ ไม่สูบบุหรี่ เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อสุขภาพ ก่อให้เกิดการลดทอนเวลาและสมรรถภาพร่างกายในการฝึกซ้อม ผู้ฝึกสอนกีฬาจะต้องรู้จักวิธีการจัดการและวิธีการสอนที่ถูกวิธี รู้หลักการวางแผนและออกแบบการฝึกซ้อมที่เหมาะสม รู้กระบวนการสอน เพื่อนำไปสู่การสอนและพัฒนานักกีฬาให้มีจริยธรรม คุณธรรม และพัฒนาตนเองอย่างยั่งยืน ซึ่งนอกจากจะมีทักษะการเล่นกีฬาที่ดีแล้ว การมีสุขภาพที่ดีเป็นสิ่งสำคัญยิ่งสูงสุด การไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ของมึนเมาทั้งแอลกอฮอล์และยาสูบทุกชนิด จะสามารถทำให้ร่างกายจิตใจและสมองพร้อมที่จะนำพานักกีฬาไปถึงจุดหมายที่ตั้งไว้ การไม่ยุ่งเกี่ยวกับการพนันทุกชนิดทำให้นักกีฬาสามารถวางแผนการดำรงชีวิตในสังคมได้เป็นอย่างดี 
 
นายปริญญา ถวัลย์อรรณพ ผู้อำนวยการศูนย์ฝึกกรมพลศึกษา สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติฯ 60 พรรษา กล่าวว่า กรมพลศึกษามีแนวคิดมุ่งเน้นเรื่องจริยธรรมคุณธรรมของการเป็นผู้ฝึกสอนที่ดีเพื่อนำไปถ่ายทอดให้กับนักกีฬาที่เป็นกลุ่มเยาวชน รวมถึงการส่งเสริมให้เยาวชนไม่ยุ่งเกี่ยวกับปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ซึ่งเป็นนโยบายที่สอดคล้องกับการทำงานของเครือข่ายงดเหล้าและสสส. ที่ได้ดำเนินการอยู่แล้ว จึงนำมาสู่ความร่วมมือในกิจกรรมอบรมผู้ฝึกสอนกีฬาฟุตซอลเยาวชนในครั้งนี้