คุณกีต้า และคุณพัชรา ยังให้ข้อมูลด้วยว่า จากหลักฐานที่รวบรวมมาเป็นเวลา 20 ปี แสดงให้เห็นว่าการรักษาโรคภูมิคุ้มกันบกพร่องหรือ “เอชไอวี” นั้น มีประสิทธิภาพสูงในการลดการแพร่เชื้อ

โดยมีผลการวิจัยที่แน่ชัดว่าผู้ติดเชื้อที่มีปริมาณไวรัสต่ำจนตรวจไม่พบ จะไม่สามารถส่งต่อเชื้อเอชไอวีทางการมีเพศสัมพันธ์ได้ ข้อค้นพบนี้คือสิ่งที่เปลี่ยนชีวิตให้กับผู้คนที่รู้สึกว่าตนได้รับการปลดเปลื้องจากการถูกตีตรา และยังช่วยให้พวกเขารู้สึกได้ถึงบทบาทอันสำคัญของตนในฐานะผู้ป้องกันการแพร่เชื้อเอชไอวี

ประเทศไทยยังมีความก้าวหน้าอย่างมากในการควบคุมอัตราการเสียชีวิตที่เกี่ยวข้องกับเอชไอวี โดยอัตราการเสียชีวิตที่เกี่ยวข้องกับโรคเอดส์ลดลงร้อยละ 44 ตั้งแต่ปี 2553 ถึงปี 2562 จาก 25,000 ราย ลดลงเป็น 14,000 ราย ตามลำดับ แต่ถึงกระนั้น ก็ยังคงมีความท้าทายหลายประการที่ต้องจัดการ เนื่องจากประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกที่มีอัตราความชุกของการติดเชื้อสูงที่สุด

มีผู้อยู่ร่วมกับเชื้อเอชไอวีประมาณ 500,000 ราย แม้ว่าอัตราการติดเชื้อโดยรวมจะลดลง แต่ในกลุ่มชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย อัตราการติดเชื้อเอชไอวีและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆกลับเพิ่มสูงขึ้น ขณะที่แรงงานข้ามชาติและนักโทษก็ถือเป็นกลุ่มที่เปราะบางมากเป็นพิเศษเช่นกัน และเกือบร้อยละ 50 ของ ผู้ติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่ หรือประมาณ 3,000 รายต่อปี พบในคนหนุ่มสาวอายุ 15-24 ปี

“ไม่ใช่ว่าการมีเชื้อเป็นเรื่องปกติ เชื้อไม่ใช่สิ่งปกติ” นี่คือคำกล่าวของตัวแทนเยาวชนที่ไม่ประสงค์ออกนามจากเครือข่ายเยาวชนที่อยู่ร่วมกับเชื้อเอชไอวีประเทศไทย “แต่คนที่ มีเชื้อก็คือคนปกติ มีศักยภาพเหมือนคนทั่วไป และควรได้รับการปฏิบัติและได้รับความรักเหมือนคนอื่นๆ”

...

ในหลายกรณี ผู้อยู่ร่วมกับเชื้อเอชไอวีหลีกเลี่ยงการไปสถานพยาบาลเนื่องจากหวาดกลัวการถูกตีตราและการเลือกปฏิบัติ ผลสำรวจระดับชาติประจำปี 2557 พบว่าร้อยละ 59 ของประชาชนทั่วไปยังมีทัศนคติที่เลือกปฏิบัติต่อคนกลุ่มนี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องได้รับการเปลี่ยนแปลง โดยพื้นฐานแล้ว การตีตราและการเลือกปฏิบัติไม่เพียงแต่จะบั่นทอนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG) ข้อ 3 ว่าด้วยสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีเท่านั้น แต่ยังส่งผลเสียต่อเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนทั้ง 17 ข้อที่เชื่อมโยงกัน และการพัฒนาประเทศอีกด้วย

การป้องกันเชื้อเอชไอวีและการลดการติดเชื้อคือภารกิจสำคัญ แต่ภารกิจนี้ต้องการแรงสนับสนุนจากทุกคน เริ่มต้นด้วยการศึกษาหาความรู้ให้ตนเองเกี่ยวกับเชื้อเอชไอวี เพื่อทำลายความไม่รู้ ยุติการตีตรา และการเลือกปฏิบัติ เมื่อนั้นเราจึงจะมีสังคมที่ดี และพร้อมที่จะฟื้นตัวจากวิกฤติได้อย่างแท้จริง.