พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ผู้อำนวยการ ศบค. ใจอ่อนตามข้อเรียกร้อง ผ่อนคลายมาตรการเข้มงวดสกัดการระบาดของไวรัสโควิด-19 ไปเรียบร้อยแล้ว เหลือพื้นที่สีแดงเข้ม เพียงจังหวัดเดียวคือ สมุทรสาคร ยังพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นวันละเกือบพันคน วันเสาร์ที่ผ่านมาก็พบผู้ติดเชื้อใหม่ในประเทศอีก 930 คน จากการค้นหาเชิงรุก 889 คน ทำให้ผู้ติดเชื้อสะสมเพิ่มเป็น 17,953 คน สัปดาห์หน้าคงจะเกิน 2 หมื่นคน จนกว่าแรงงานต่างชาติโรงงานสมุทรสาครกว่าหนึ่งหมื่นโรงงาน จะตรวจครบทุกโรงงาน
พื้นที่สีแดง ลดเหลือ 4 จังหวัด กรุงเทพฯ นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ ก็ยังมีผู้ติดเชื้อเพิ่มทุกวัน โดยเฉพาะกรณี ดีเจมะตูม และ ปาร์ตี้กางเกงใน ฝ่าฝืนจัดงานในโรงแรมดังหลัง 21.00 น. ไม่ช้าคดีก็คงเงียบหายไปกับสายลม
ประเด็นที่ผมคิดว่า ศบค.ควรพิจารณาในอนาคตก็คือ การผ่อนคลายให้ร้านอาหารในพื้นที่สีแดงจำหน่ายอาหารได้ถึง 23.00 น. จากเดิม 21.00 น. (พื้นที่สีส้มให้ดื่มสุราได้ด้วย พื้นที่สีเหลืองกินดื่มได้ถึงเที่ยงคืน) โดยให้จำกัดจำนวนคนในร้าน ห้ามดื่มสุราในร้าน ให้ซื้อสุรากลับบ้านได้ คำถามคือ ทำไมต้องขยายเวลากินข้าวนอกบ้านไปถึงห้าทุ่ม ซึ่งถือว่าดึกมาก ไม่ใช่เวลากินข้าว แต่เป็นเวลากินเหล้า ทั้งที่โควิด-19 ยังระบาดอยู่ รัฐบาลก็บอกให้คนอยู่บ้าน แต่กลับส่งเสริมให้คนกินข้าวนอกบ้านถึงห้าทุ่ม แม้จะห้ามดื่มสุราในร้าน ก็คงไม่มีใครปฏิบัติตาม เคสดีเจมะตูม และ ปาร์ตี้กางเกงใน คือตัวอย่าง โรงแรมมาตรฐานระดับห้าดาวยังไม่สนใจคำสั่ง ศบค. เพราะคนไทยชอบใช้ “เส้น” อยู่แล้ว
เดิม ศบค.ให้ร้านอาหารเปิดถึง 21.00 น. ถือเป็นเวลาที่เหมาะสมแล้ว กินข้าวเสร็จจะได้กลับบ้านไปพักผ่อนแต่หัวคํ่า เพื่อรักษาสุขภาพให้แข็งแรง มีภูมิต้านทานเผชิญกับไวรัสโควิด–19 หรือ ขยายเป็น 4 ทุ่มก็น่าจะพอ กว่าจะกลับถึงบ้านก็ห้าทุ่มเที่ยงคืนแล้ว เมื่อขยายเวลาเป็นห้าทุ่ม กว่าจะกลับถึงบ้านได้นอนก็ต้องตีหนึ่งแน่นอน
...
การแพทย์สมัยใหม่เขาเน้นเรื่อง “เวชศาสตร์ป้องกัน” (Preventive Medicine) โดยเฉพาะเรื่อง สุขอนามัยการนอนหลับ (Sleep Hygiene) ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ของสังคมไทยและสังคมโลก คนนอนหลับไม่เพียงพอก่อให้เกิดโรคตามมามากมาย ทำให้ภูมิคุ้มกันร่างกายลดลง ติดเชื้อโรคได้ง่าย ปกติแพทย์จะแนะนำให้ งดอาหารมื้อดึกก่อนนอน 4 ชั่วโมง ถ้ากินข้าวไปจนถึง 5 ทุ่ม คงต้องไปนอนตี 3 แล้ว
ผมเคยคุยกับแพทย์ทางเวชศาสตร์ป้องกันหลายครั้ง หมอจะแนะนำให้นอนช่วง 4 ทุ่มถึง 4 ทุ่มครึ่ง เพื่อรักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงและมีอายุยืน การนอนหลับช่วง 22.00–22.30 น. จะทำให้ร่างกายหลั่ง Growth Hormone ฮอร์โมนที่ทำหน้าที่ควบคุมการเจริญเติบโตและการทำงานของอวัยวะทุกส่วนของร่างกาย เพื่อสร้างเซลล์ใหม่ในร่างกาย ถือเป็น “สารชะลอวัย” (Anti-aging) โกรทฮอร์โมนจะหลั่งออกมาในช่วงที่เรา “หลับลึกเที่ยงคืนถึงตีหนึ่ง” เท่านั้น ถ้านอนหลังตีหนึ่ง ร่างกายจะไม่หลั่งโกรทฮอร์โมนอีก การเพิ่มโกรทฮอร์โมนจะช่วยเพิ่มความอ่อนเยาว์ เพิ่มความกระชุ่มกระชวยให้ร่างกาย
การขาดโกรทฮอร์โมน ทำให้แก่เร็ว ผิวหนังเหี่ยวย่น มีริ้วรอยเกิดขึ้น คอลลาเจนที่ช่วยให้ผิวเต่งตึงลดน้อยลง ผมหงอก ผมร่วง โรคคนแก่ถามหา สมรรถนะอวัยวะร่างกายลดลง
การผ่อนคลายของ ศบค.ให้ร้านอาหารในพื้นที่สีแดงขายได้ถึง 5 ทุ่ม พื้นที่สีเหลืองกินดื่มได้ถึงเที่ยงคืน พื้นที่สีเขียวเปิดเสรี จึงไม่ถูกสุขอนามัยและการป้องกันโรคระบาดที่ดี รัฐบาลควรใช้ “ความพอดี” ในการแก้ปัญหา ร้านอาหารอยู่ได้ สังคมเข้มแข็ง ประชาชนมีสุขอนามัยดี และรับมือกับโรคระบาดได้ ประเทศอื่นมีตัวอย่างให้เห็นแล้ว ซุปเปอร์สเปรดเดอร์ มีเยอะแต่มองไม่เห็น “การป้องกัน” จึงดีที่สุด งานนี้ รัฐบาลการ์ดตก อีกแล้ว.
“ลม เปลี่ยนทิศ”