หนุ่มยืนยัน แจ้งความเอาผิด เจ้าของร้านเช่าจักรยานสวนรถไฟ ทำร้ายร่างกาย เรียกร้องขอโทษเหยียดเพศ กล่าวหาไม่รับผิดชอบ ขณะที่มีผู้เสียหายอีกราย แจ้งความเคยโดนเหมือนกัน

จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊ก ชื่อ APIWAT NAWEERUEANGRAT โพสต์เตือนภัยเช่าจักรยาน ที่ร้านแห่งหนึ่งภายในสวนรถไฟ ก่อนจอดลงถ่ายภาพดอกทานตะวัน แต่เมื่อกลับมาที่จอดรถ พบว่ารถจักรยานที่เช่ามาได้หายไป เมื่อแจ้งทางร้านเช่ารถจักรยานกลับบอกต้องเสียค่าปรับ 2,000 บาท หรือซื้อใหม่มาคืน หรือรอรถมาครบตอน 1 ทุ่ม ก่อนที่จะเหลือบไปเห็นรถคันหนึ่ง ที่เหมือนกับรถที่เช่าไป เนื่องจากก่อนหน้ามีการถ่ายรูปเอาไว้ แต่เมื่อพยายามเจรจา เจ้าของร้านกลับไม่สนใจ จนเริ่มมีปากเสียง และพูดจาหยาบคาย ก่อนตนเอง โทรหาผู้ใหญ่ให้ช่วยไกล่เกลี่ย แต่เจ้าของร้านก็พูดจาเสียงดังโวยวาย แล้วหาว่าตนเถียง ตนเห็นท่าไม่ดีแม่ค้าเหมือนจะปาโทรศัพท์ จึงเข้าไปคว้าไว้ แต่กลับถูกชาย มาทราบภายหลังว่าเป็นลูกชายเจ้าของร้าน ล็อกคอจากด้านหลังแล้วทุ่มลงพื้นจนจนบาดเจ็บ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้า ที่ สน.บางซื่อ เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 28 ธ.ค. นายอภิวัฒน์ นาวีเรืองรัตน์ อายุ 19 ปี ผู้เสียหาย ซึ่งโพสต์เรื่องราวลงโซเชียล เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.อำนวย โพธิ์แก้ว รอง สว.(สอบสวน) สน.บางซื่อ เพื่อนำหลักฐานเป็นคลิปขณะเกิดเหตุมามอบให้พนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีกับลูกชายเจ้าของร้านจักรยาน ในข้อหาทำร้ายร่างกาย

นายอภิวัฒน์ กล่าวว่า ในวันเกิดเหตุตนและเพื่อนรวม 3 คน ไปเที่ยวสวนรถไฟ จากนั้นได้เช่ารถจักรยานจำนวน 3 คันมาเพื่อปั่นภายในสวน จนเมื่อปั่นมาถึงทุ่งทานตะวัน ซึ่งไม่อนุญาตให้นำจักรยานเข้าไปได้ ตนจึงนำรถไปจอดรถไว้บริเวณรอบสวนตามคำแนะนำของ รปภ. เมื่อกลับมาพบว่ารถจักรยานที่เช่ามาได้หายไป 1 คัน ตนจึงรีบไปบอกเจ้าของร้าน ซึ่งเจ้าของร้านบอกให้รีบไปหา หรือไม่ก็จ่ายค่าปรับ 2,000 บาท หรือรอจนเวลา 19.00 น. เพื่อดูว่ารถที่ลูกค้านำมาคืนจะครบหรือไม่ กระทั่งใกล้เวลาคืนรถ ตนเห็นลูกค้าคนหนึ่งเข็นรถจักรยานซึ่งมีลักษณะคล้ายรูปที่ตนเช่าไปมาคืน ซึ่งตนก็พยายามบอกเจ้าของร้านแต่กลับไม่สนใจ

...

นายอภิวัฒน์ เล่าต่อว่า จากนั้นได้มีการพูดคุยกับเจ้าของร้าน แต่คุยกันไม่รู้เรื่อง จนมีปากเสียงกัน ตอนนั้นเจ้าของร้านถือโทรศัพท์ตนอยู่ และทำท่าจะขว้างลงพื้น ตนจึงเอื้อมมือจะเข้าไปคว้าโทรศัพท์ จากนั้นมีคนเข้าด้านหลังแล้วจับตนเองทุ่มลงพื้น มาทราบทีหลังว่าเป็นลูกชายเจ้าของร้าน ซึ่งตอนที่ถูกทุ่มลงไป เจ้าของร้านซึ่งเป็นแม่ได้บอกให้หยุด ไม่งั้นตนคงจะเจ็บหนัก

ทั้งนี้ ขณะเกิดเหตุตนได้เรียก รปภ. เพื่อเข้ามาห้ามแต่กลับไม่มี รปภ. คนไหนเข้ามาห้ามปราม ซึ่งตนและครอบครัวใช้บริการรถเช่าแห่งนี้มานาน ไม่เคยเกิดเหตุแบบนี้มาก่อน ถึงตนจะเป็นเด็ก แต่การใช้คำพูดก็ไม่ควรใช้คำพูดรุนแรงแบบนี้ และในวันนี้พ่อตนได้เข้ามาพูดคุยกับเจ้าของร้าน เรื่องจึงจบลง แต่ที่ติดใจในส่วนของการทำร้ายร่างกาย และการใช้คำพูดซึ่งเป็นคำพูดที่ผู้ใหญ่ไม่น่าจะนำมาใช้กับเด็ก ในส่วนการถูกทำร้ายร่างกายตนมองว่าเป็นการทำเกินกว่าเหตุ ซึ่งอยากเรียกร้องให้ทางร้านออกมาขอโทษ ทั้งการเหยียดเพศ การกล่าวหาวัยรุ่นไม่รับผิดชอบ แต่ขอยืนยันว่าจะดำเนินคดีในส่วนของการทำร้ายร่างกายให้ถึงที่สุด

นายอภิวัฒน์ นาวีเรืองรัตน์ (ซ้าย) นายจิรทีปต์ วงศ์บวรชนิกุล (ขวา)
นายอภิวัฒน์ นาวีเรืองรัตน์ (ซ้าย) นายจิรทีปต์ วงศ์บวรชนิกุล (ขวา)

เย็นวันเดียวกัน นายจิรทีปต์ วงศ์บวรชนิกุล อายุ 23 ปี ผู้ที่เคยเช่ารถจักรยานจากร้านเดียวกัน แล้วเกิดเหตุการณ์จักรยานหายเช่นกัน เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อขอแจ้งความเจ้าของร้านจักรยานในข้อหาหมิ่นประมาท หลังถูกหญิงของร้านใช้คำพูดที่หยาบคายใส่ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 18 ธ.ค.ที่ผ่านมา พร้อมระบุว่า หลังจากนี้จะรวบรวมผู้ที่เคยเจอเหตุการณ์ลักษณะเดียวกัน รวมถึงการให้บริการและการพูดจาไม่สุภาพ เพื่อไปร้องเรียนที่ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เข้าตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป.