เป็นงง หนุ่มซื้อซูชิมากิน กลับพบว่าซูชิเรืองแสง ด้าน "อ.เจษฎา" ยกเคสเก่า ตั้งข้อสันนิษฐาน น่าจะมาจากการปนเปื้อนเชื้อจุลินทรีย์เรืองแสงที่กุ้ง แนะส่งตรวจในห้องปฏิบัติการ เพื่อให้รู้แน่ชัด

ผู้ใช้เฟซบุ๊ก "เบส เสส" โพสต์ภาพข้าวปั้นซูชิ ที่ซื้อมาจากร้านแห่งหนึ่ง ซึ่งพบว่า ข้าวปั้นหน้ากุ้งมีสีเรืองแสง พร้อมระบุข้อความว่า "ซื้อซูชิมา ทำไมมันเรืองแสงอะครับ ใครรู้บอกทีไม่กล้ากินเลย" ซึ่งหลังจากที่โพสต์ดังกล่าวถูกแชร์ออกไป ก็มีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก

สอบถาม นางอรุณ ยลไพบูลย์ อายุ 58 ปี เปิดเผยว่า ช่วงเวลาประมาณ 19.00 น. วานนี้ (27 ก.ค.) ตนซื้อซูชิมาจากห้างแห่งหนึ่ง 3 กล่อง ราคากล่องละ 59 บาท จากนั้นก็กลับบ้าน เมื่อมาถึงบ้าน สังเกตเห็นว่า ซูชิข้าวปั้นหน้ากุ้ง เกิดเรืองแสงอย่างเห็นได้ชัด จึงเรียก นายแสงชัย กาญจนวะสะ อายุ 21 ปี และนายณัฐนัย กาญจนวะะสะ อายุ 17 ปี ลูกชายมาช่วยกันดู เนื่องจากไม่แน่ใจว่าเกิดจากอะไร

...

นางอรุณ เผยต่อว่า จากนั้นลูกชายได้ค้นหาข้อมูลทางอินเทอร์เน็ต พบว่า อาจเกิดจากการที่กุ้งกินแพลงก์ตอน หรือเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย ถ้าหากจะรับประทานควรต้มให้สุกก่อน ลูกชายจึงนำกุ้งไปต้ม 1 ตัว เพื่อมาลองกิน ก็ไม่มีอาการผิดปกติ แต่ตนไม่กล้ากิน และอยากฝากให้คนที่ซื้ออาหารสำเร็จรูปมาทาน ให้สังเกตให้ดีๆ ก่อน

ด้าน นายแสงชัย เผยว่า ปกติตนชอบกินอาหารญี่ปุ่นอยู่แล้ว พอเห็นว่ากุ้งเรืองแสง จึงนำไปต้มก่อน แล้วก็นำมาทาน ซึ่งก็ไม่พบว่ามีผลข้างเคียงใดๆ

รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับซูชิเรืองแสงผ่านเฟซบุ๊ก โดยระบุว่า เช้านี้มีหลายคนส่งรูปซูชิหน้ากุ้งดิบ ว่าไปเจอที่มันเรืองแสงได้เองในที่มืด (ไม่ได้ไปฉายแสงแบล็กไลต์ หรือแสงยูวี) อยากรู้ว่าเกิดจากอะไร?

เรื่องอย่างนี้ ควรส่งไปให้หน่วยงานที่รับผิดชอบอย่างเช่น กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ตรวจสอบก่อน จะชัดเจนที่สุดนะครับว่าเกิดจากอะไร

แต่ถ้าจะสันนิษฐานว่าเกิดจากอะไรได้บ้าง ก็คงต้องเทียบเคียงกับที่เคยมีคนพบ "ลูกชิ้นปลาเรืองแสง" เมื่อก่อน ตอนปี 2553 ซึ่งกองควบคุมอาหาร สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ได้เคยอธิบายไว้ว่า มีสาเหตุที่เป็นไปได้ 3 อย่างคือ

1. อาจเกิดจากการเจริญของเชื้อแบคทีเรียในทะเล กลุ่ม photobacterium phosphoreum ซึ่งสามารถผลิตสารเรืองแสงได้ (เช่น Pseudomonas sp., Pseudomonas fluorescens, Vibrio fischeri, Vibrio phosphoreum, Vibrio harveyi, Photobacterium luciferum) ติดมากับปลาที่ใช้ทำลูกชิ้น

แต่เชื้อพวกนี้จะถูกทำลายไปด้วยความร้อนระหว่างการผลิตลูกชิ้น ถ้าพบเยอะขนาดที่เรืองแสงบนลูกชิ้นได้ แสดงว่าอาจปนเปื้อนหลังผ่านความร้อนแล้ว และเก็บลูกชิ้นไว้ที่อุณหภูมิไม่ต่ำเพียงพอ (ควรต่ำกว่า 4 องศาเซลเซียส) ทำให้เชื้อเพิ่มจำนวนขึ้น

2. ปลาที่เอามาทำลูกชิ้นนั้น อาจกินแพลงก์ตอนสาหร่ายกลุ่มไดโนแฟลกเจลเลต หรือเชื้อแบคทีเรียวิบริโอ เช่น Vibrio harveyi ที่เรืองแสงในน้ำได้

3. อาจมีการเติมสารเคมีบางชนิด ที่มีฟอสฟอรัสเป็นองค์ประกอบ เช่น วัตถุเจือปนอาหารประเภทฟอสเฟต ซึ่งเป็นสารที่ทำให้เกิดความชุ่มชื้น และทำให้เกิดความนุ่มเหนียว รวมถึงสารฟอกขาว เช่น ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์, โซเดียมไฮโดรซัลไฟต์

ถ้าประเมินจากแค่ 3 สาเหตุนี้ การที่ซูชิหน้ากุ้งดิบจะเรืองแสงได้ ก็น่าจะมาจากการปนเปื้อนเชื้อจุลินทรีย์เรืองแสงที่กุ้ง มากกว่าเรื่องของใส่สารเคมี ซึ่งก็ต้องเอาไปตรวจสอบในห้องปฏิบัติการ ว่าเป็นเชื้อชนิดไหน มีอันตรายแค่ไหน รวมไปถึงที่มาว่ามีปัญหาในเรื่องสุขลักษณะในการผลิตและเก็บรักษาหรือไม่

คำแนะนำที่พอจะพูดได้คือ ถ้าพบลักษณะอาหารผิดปกติแบบนี้ ก็ไม่ควรนำมาบริโภค เพราะนอกจากเชื้อจุลินทรีย์เรืองแสงได้ ยังอาจมีการปนเปื้อนเชื้อจุลินทรีย์ก่อโรคชนิดอื่นๆ ด้วย อาจมีอันตรายต่อสุขภาพ ท้องเสีย อาหารเป็นพิษได้.

ข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก เบส เสส, Jessada Denduangboripant