ใครผู้ใด ไม่ว่าจะเป็นนักกฎหมายตัวจริง หรือรู้กฎหมายแบบงูๆ ปลาๆ ถ้าถูกเรียกว่า “หัวหมอ” ก็มักจะถูกมองไปในทางไม่ดีสักเท่าไหร่
ตัวอย่าง ที่ผมฝังใจมาตั้งแต่สมัยบวชเณร อยู่วัดบ้านแหลมแม่กลอง หลวงสกลสาลีกิจ อายุตอนนั้นกว่า 80 ปี มานั่งคุยให้ฟังที่ดินข้างวัดที่มีบ้านเรือนแน่นขนัด ท่านเห็นว่าชาวบ้านอยู่กันมานานแสนนาน
ท่านใช้ความรู้ทางกฎหมายฟ้องครอบครองปรปักษ์ ชนะคดี ที่ดินก็เป็นของชาวบ้าน ออกโฉนดซื้อขายได้
พล.ต.อ.เภา สารสิน เคยคุยให้ฟัง วันหนึ่งไปเชียงใหม่แวะไปดูที่ดินที่ซื้อไว้ เจอบ้านปลูกอยู่หลังใหญ่ ท่านก็รีบเจรจา ให้เจ้าบ้านทำสัญญาเช่า ก็เป็นวิธีที่ประนีประนอมรักษาสิทธิที่ดินของตัวเองไว้ได้
เรื่องใหม่สุดที่กำลังเป็นข่าว ที่ดินครอบครองปรปักษ์ติดวัดสวนแก้ว มีโฉนดเรียบร้อย พระพยอมท่านซื้อไว้ 10 ล้าน แต่เจอปัญหาเจ้าของที่ดินเดิมฟ้องแย้งเอาสิทธิคืน พระพยอมท่านก็เหมือนจะสูญเงิน 10 ล้านฟรี
ตอนมีข่าว พระพยอมเอาโฉนดที่ดินมาทำถุงใส่กล้วยแขกขาย...ประจานกระบวนการยุติธรรม คนรู้กฎหมายแค่ถูกผิดตัดสินที่ศาล อย่างผมก็ได้แค่คิดในใจ...
เออ เรื่องอย่างนี้เกิดมีขึ้นได้ แล้วก็ไม่กล้าคิดต่อ
จนกระทั้งถึงวันนี้ มีข่าวผู้ชนะคดี...มีหนังสือมาขอให้ทาง
วัดสวนแก้วย้ายสิ่งปลูกสร้างออกจากที่ดิน พระพยอมก็เป็นข่าวอีก เมื่ออัยการใหญ่ ท่านปรเมศวร์ อินทรชุมนุม เข้ามาช่วยชี้ช่องกฎหมายวัดยังไม่ต้องย้ายข้าวของหากยังไม่ได้เงิน 10 ล้าน ค่าที่ดินที่พระพยอมซื้อไว้
เอาละซี...นี่คือความรู้ใหม่...คดีที่ศาลฎีกาตัดสิน ใช่ว่าจะไม่มีผลสัมฤทธิ์ทันที
ผมดูรายการสถานีประชาชน ทีวีไทยพีบีเอส บ่ายวันจันทร์ พระพยอม อัยการปรเมศวร์ ว่าที่พันตรี สมบัติ วงศ์กำแหง กรรมการช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมาย เนติบัณฑิตยสภา ออกมาพูดจา จับความได้ว่า
...
เส้นทางของความยุติธรรมนั้นยาวไกลกว่าที่เข้าใจ ถ้ากล้าเดินต่อไปก็อาจเจอความยุติธรรมที่อยู่ซ้อนเหนือความยุติธรรม
เพียงแต่ว่าจะมีผู้รู้ทางกฎหมายเสนอตัวเข้ามาช่วยประคับ-ประคองให้เดินต่อไปกี่มากน้อย
ที่ดินที่เป็นกรณีฟ้องร้องวัดสวนแก้ว พระพยอมท่านบอกว่า มีเพียงไร่ครึ่งเท่านั้น ตอนนี้ที่ดินวัดสวนแก้วมีกว่าสองร้อยไร่...
พระพยอมท่านสร้างสรรค์เป็นเหมือนอุทยานในฝัน มีน้ำตกให้ญาติโยม...ชื่นอกชื่นใจด้วยชาวบ้านที่เข้าใจว่าพระพยอมแพ้คดีถูกไล่ที่ ต้องออกจากวัดสวนแก้ว ขอให้ทำความเข้าใจใหม่
วัดสวนแก้วตอนนี้ยังมีหนี้อยู่อีก 80 ล้าน ท่านต้องออกแรงเทศนา หาเงินใช้หนี้ไปอีกหลายปี ใครมีศรัทธาก็น่าจะทำบุญกับท่านได้เลย รับรองได้ทำบุญวัดนี้ ที่ดินไม่เป็นของชาวบ้าน เหมือนรายวัดจิตตภาวัน
อย่าว่าแต่คนไทยพุทธ คนมุสลิมที่แพ้คดีที่ดิน หัวอกเดียวกับท่าน ยกขบวนมาวัดสวนแก้ว ทำบุญกับวัดขัดหลักศาสนา ก็ช่วยด้วยการซื้อผลไม้ไปเป็นคันรถ
คดีที่ดินวัดสวนแก้วผมว่าเป็นยิ่งกว่าป้ายโฆษณาใหญ่ ช่วยให้คนรู้จักและเห็นใจวัดสวนแก้วมากขึ้น ทั้งยังเป็นกรณีศึกษาให้เราได้ความรู้ว่า ความยุติธรรมนั้นมีจริง
แต่สำหรับผม...เปลี่ยนทัศนคติที่เคยมีต่อนักกฎหมาย ที่ผมเข้าใจว่าเป็นพวก “หัวหมอ”
จากที่เคยเชื่อว่าคุกมีไว้ขังคนจน ตอนนี้ผมเริ่มเชื่อว่า นักกฎหมายเก่งๆมีใจให้ประชาชนยากจน ที่เจอคับแค้นจากกระบวนการยุติธรรม ยังมีเพียงต้องหาให้เจอ.
กิเลน ประลองเชิง