กยศ. พร้อมให้ความช่วยเหลือครูที่ผู้ค้ำประกันเงินกู้ให้ลูกศิษย์ แต่ถูกชักดาบจนถูกยึดทรัพย์ เตือนคนกู้ต้องมีจิตสำนึกในการชำระเงินคืนเพื่อไม่ให้เดือดร้อนคนค้ำประกัน

นายชัยณรงค์ กัจฉปานันท์ ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา หรือ กยศ. เปิดเผยว่า จากกรณีอดีตข้าราชการครู ถกกอายัดทรัพย์สินจากการเป็นผู้ค้ำประกันให้แก่นักศึกษา แต่ปรากฎว่าผู้กู้ค้างชำระหนี้ จนถูกฟ้องร้องดำเนินคดีเมื่อปี 2553 และมีการสืบทรัพย์บังคับคดีในปี 2562 ทำให้คุณครูที่เป็นผู้ค้ำประกันได้รับความเดือดร้อน (ครูทุกข์ระทมถูกยึดที่ดิน หลังลูกศิษย์ชักดาบหนี้ กยศ.ตามทวงแต่ยังเฉยเมย)

ล่าสุด กองทุนได้ตรวจสอบสถานะคดีของผู้กู้ยืมรายนี้แล้ว พบว่า ผู้กู้ยืมได้ทำสัญญากู้ยืมเงิน กยศ. ระหว่างปีการศึกษา 2540 - 2545 รวมเป็นเงินต้นทั้งสิ้น 159,195 บาท (ยังไม่รวมดอกเบี้ยและเบี้ยปรับผิดนัดชำระหนี้) โดยมีผู้ค้ำประกันจำนวน 4 คน สำหรับครูท่านนี้เป็นผู้ค้ำประกันเงินต้นเมื่อปี 2540 เป็นจำนวนทั้งสิ้น 16,855 บาท

ต่อมากองทุนได้ทำการบังคับคดีทั้งผู้กู้ยืมและผู้ค้ำประกัน แต่ไม่พบทรัพย์ของผู้กู้ยืม พบแต่ที่ดินของผู้ค้ำประกันที่ไม่มีภาระจำนอง จึงได้ทำการยึดทรัพย์ไว้เมื่อเดือนมีนาคม 2563 โดยยังไม่มีการประกาศขายทอดตลาด ดังนั้น สำหรับการช่วยเหลือในกรณีนี้ กองทุนจะชะลอการขายทอดตลาดไว้เป็นการชั่วคราวจนถึงสิ้นปี 2563

นายชัยณรงค์ กล่าวต่อว่า กองทุนขอชี้แจงว่าที่ผ่านมากองทุนไม่ได้ละเลยที่จะติดต่อผู้กู้ยืม และได้ดำเนินการติดตามหนี้จากผู้กู้ยืมมาอย่างต่อเนื่องตามขั้นตอนทางกฎหมาย หากผู้กู้ยืมค้างชำระหนี้จนถึงขั้นถูกบอกเลิกสัญญาและถูกดำเนินคดี ยังสามารถไปขอไกล่เกลี่ยทำสัญญาประนีประนอมยอมความที่ศาล เพื่อขอผ่อนชำระหนี้เป็นรายเดือนได้อีก 9 ปี หรือแม้ว่าไม่ได้ไปศาลและศาลมีคำพิพากษาให้ชำระหนี้ทั้งหมด

...

โดย กองทุนยังได้ให้เวลาผ่อนชำระหนี้ตามคำพิพากษาอีกระยะหนึ่ง แต่หากผู้กู้ยืมหรือผู้ค้ำประกันไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด กองทุนมีความจำเป็นต้องสืบทรัพย์บังคับคดีตามกฎหมาย ทั้งนี้ เนื่องจากเงินกู้ยืมเป็นเงินงบประมาณแผ่นดินที่มาจากภาษีของประชาชน อย่างไรก็ตาม ขอให้ผู้กู้ยืมให้มีความรับผิดชอบในการชำระเงินคืนเพื่อไม่ให้เดือดร้อนถึงผู้ค้ำประกันและแบ่งปันโอกาสทางการศึกษาสู่นักเรียน นักศึกษารุ่นน้องที่ยังรอโอกาสอีกจำนวนมาก