ศิษยานุศิษย์ อาลัย "หลวงปู่ใหญ่" พระธรรมมงคลรังษี เจ้าอาวาสวัดโพธิ์ชัย จ.หนองคาย สิริอายุ 96 ปี พรรษา 76

 

วันที่ 2 มี.ค.63 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โรงพยาบาลหนองคายได้ออกแถลงการณ์ถึงการมรณภาพของ พระธรรมมงคลรังษี ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 8 เจ้าอาวาสวัดโพธิ์ชัย พระอารามหลวง อดีตเจ้าคณะจังหวัดหนองคาย ระบุว่า

พระธรรมมงคลรังษี ได้อาพาธด้วยโรคชรา โรคเบาหวาน และความดันโลหิตสูงเรื้อรังมาเป็นเวลาหลายปี ได้รับการรักษาเป็นประจำที่โรงพยาบาลหนองคาย และได้รับการเข้านอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลหนองคายอยู่เนืองๆ จนมีสุขภาพร่างกายแข็งแรงขึ้นตามลำดับ ครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 1 ก.พ.2563 ปรากฏว่ามีอาการปอดอักเสบ ร่วมกับภาวะแทรกซ้อนจากโรคเบาหวาน ทำให้คณะสงฆ์และศิษยานุศิษย์วัดโพธิ์ชัย พระอารามหลวง ได้นำพระธรรมมงคลรังษีเข้านอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาลหนองคายอีกครั้ง

และครั้งสุดท้ายคณะแพทย์โรงพยาบาลหนองคายได้พบว่า มีอาการติดเชื้อในกระแสโลหิตอย่างรุนแรง จากภาวะปอดอักเสบติดเชื้อที่กำลังรักษาอยู่ ทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ตามมาหลายประการ อาทิ ระบบหายใจล้มเหลว ระบบไหลเวียนของโลหิตล้มเหลว และมีภาวะไตวาย จากภาวะอาพาธดังกล่าวคณะแพทย์ได้วางแผนรักษาอย่างเต็มที่ แต่ไม่สามารถที่จะยับยั้งภาวะคุกคามของโรคได้ และในที่สุดพระธรรมมงคลรังษี หมดสัญญาณชีพ มรณภาพที่โรงพยาบาลหนองคาย ในวันอาทิตย์ที่ 1 มี.ค.63 เวลา 21.42 น. สิริอายุ 96 ปี พรรษา 76

ทั้งนี้ ในเวลา 08.30 น. วันที่ 3 มี.ค.63 คณะสงฆ์วัดโพธิ์ชัย โดยพระราชรัตนาลงกรณ์ เจ้าคณะจังหวัดหนองคาย จะทำการเคลื่อนสรีระสังขาร พระธรรมมงคลรังษี จากโรงพยาบาลหนองคายไปยังศาลากุศลสงเคราะห์ วัดโพธิ์ชัย พระอารามหลวง เวลา 12.30 น. จะมีพิธีขอขมากรรม และเวลา 16.00 น. นายรณชัย จิตรวิเศษ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย จะเป็นประธานในพิธีพระราชทานน้ำหลวงสรงศพ

...

สำหรับ พระธรรมมงคลรังษี (คำบ่อ อรุโณ) พระเถระที่ชาวเมืองหนองคายศรัทธาเป็นอย่างยิ่ง เป็นแบบอย่างที่ดีในการปฏิบัติตนสำหรับพระภิกษุ-สามเณรรุ่นหลัง รวมทั้งชาวเมืองหนองคายได้เจริญรอยตาม มีนามเดิมว่า คำบ่อ พัสพงษ์ เกิดเมื่อวันอาทิตย์ที่ 13 พ.ค.2466 ที่บ้านไชยา หมู่ 3 ต.สระใคร อ.เมืองหนองคาย บิดา-มารดา ชื่อ นายมุมและนางบุญจันทร์ พัสพงษ์

ในวัยเด็กเรียนจบชั้น ป.3 จากโรงเรียนสระใครไชยานุเคราะห์ บ้านสระใคร ต.สระใคร อ.เมืองหนองคาย และบรรพชาเป็นสามเณร ที่อุโบสถวัดศรีคุณเมือง อ.เมืองหนองคาย เพื่อทดแทนคุณบุพการี พ.ศ.2486 เมื่อวัยครบ 20 ปีบริบูรณ์เต็ม เข้าพิธีอุปสมบท ที่อุโบสถวัดศรีบัวบาน บ้านบกหวาน ต.นาฮี อ.เมืองหนองคาย มีพระครูวรเขตคุณากร วัดพระประดิษฐ์ บ้านนาฮี เป็นพระอุปัชฌาย์, พระปุ่น ปญญวโร เป็นพระกรรมวาจารย์ และพระโสม กิตติวณโณ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า "อรุโณ" มีความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าในการศึกษาหลักธรรมคำสอนแห่งพุทธองค์ พ.ศ.2493 สามารถสอบได้นักธรรมชั้นตรี, โท และสอบได้นักธรรมชั้นเอก ตามลำดับ

พระธรรมมงคลรังษี ได้สร้างคุณูปการมากมายแก่วงการพระสงฆ์-สามเณร รวมทั้งพุทธศาสนิกชนชาวเมืองหนองคายและจังหวัดใกล้เคียง ได้เชิญชวนชาวบ้านร่วมเป็นเจ้าภาพทอดกฐินเรียกว่า "จุลกฐิน" (กฐินเล็กหรือกฐินแล่น) ไปทอดถวายวัดต่างๆ ในเขตอำเภอเมืองหนองคาย ปีละ 5-10 กอง อีกทั้งก่อสร้างห้องสมุดและห้องจริยธรรม มอบให้โรงเรียนสระใครไชยานุเคราะห์ สร้างสนามกีฬา สร้างอาคารเรียนให้ศูนย์เด็กก่อนเกณฑ์ มอบให้วัดไชยาประดิษฐ์ ต.สระใคร ก่อตั้งทุนมูลนิธิ "พระเทพมงคลรังษี" เพื่อการศึกษาพระภิกษุ-สามเณร และเยาวชนด้วย.