นพ.ณัฐพงศ์ วงศ์วิวัฒน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า โรคเบาหวาน เกิดจากความผิดปกติของตับอ่อนทำให้ไม่สามารถหลั่งอินซูลินได้ตามปกติหรือเกิดจากเนื้อเยื่อของร่างกายตอบสนองต่ออินซูลินลดลง ซึ่งปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคเบาหวาน ได้แก่ ความอ้วน น้ำหนักเกิน กรรมพันธุ์ ความเครียดเรื้อรัง หรือยาบางชนิดที่ไปทำลายตับอ่อนทำให้สร้างอินซูลินไม่ได้ โดยประชาชนสามารถสังเกตอาการได้ด้วยตนเองได้ดังนี้ ปัสสาวะบ่อย กระหายน้ำ หิวน้ำบ่อย น้ำหนักตัวลด ชาปลายมือปลายเท้า เป็นต้น

นพ.สกานต์ บุนนาค ผอ.สถาบันเวชศาสตร์สมเด็จพระสังฆราชญาณสังวรเพื่อผู้สูงอายุ กรมการแพทย์ กล่าวว่า ผู้สูงอายุที่เป็นโรคเบาหวานควรควบคุมอาหาร ไม่รับประทานอาหารรสหวาน ทานอาหารที่มีไขมันต่ำ อาหารที่มีกากใยสูง งดสูบบุหรี่ ตลอดจนควรหลีกเลี่ยงการดื่มสุรา เพราะอาจเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ มีลูกอมติดตัวเพื่อป้องกันการหมดสติเมื่อภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำเกินไป ออกกำลังกายที่เหมาะสมอย่างสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ พบแพทย์ และตรวจเลือดตามนัด รับประทานยาตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด ตรวจร่างกายเป็นระยะ เพื่อเฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อน และควรดูแลรักษาเท้าให้สะอาดอยู่เสมอ โดยเฉพาะเรื่องเล็บขบ แผลพุพอง แผลซ้ำ รอยถลอก หลีกเลี่ยงไม่ให้เท้าสัมผัสกับความร้อน ไม่เดินเท้าเปล่า ถ้ามีแผลหรือมีความผิดปกติใดๆควรปรึกษาแพทย์ทันที.