ลุงหัวร้อน ใช้เท้าเหยียบรถจักรยานยนต์ตำรวจ ชี้นิ้วต่อว่า หลังถูกล็อกล้อ สร่างเมานำกระเช้าขอโทษตำรวจ
มีกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊ก ชื่อ “สารคามบ้านทุ่ง สารวัตร โจ้” โพสต์คลิปจากมือถือจำนวน 2 คลิป พร้อมข้อความระบุว่า “เหตุเกิดที่บ้านเกิดผมเอง อ.พล ต่างกันสันเดียว” โดยคลิปแรกเป็นคลิปวิดีโอที่บันทึกภาพชายเสื้อขาว กำลังยืนชี้นิ้วต่อว่าผู้ที่ถ่ายคลิป คาดว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร พร้อมทั้งใช้เท้าเหยียบที่รถจักรยานยนต์ ว่ามาล็อกล้อรถของตัวเองแบบนี้ไม่ได้ พร้อมถามทำไมต้องทำตามคำสั่งร้อยเวร ร้อยเวรเป็นพ่อหรือ
ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรก็บอกกล่าวด้วยความสุภาพและใจเย็นต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนอีกคลิปเป็นคลิปขณะที่ชายคนเดิม นำกระเช้ามาขอโทษทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งหลังจากที่คลิปดังกล่าวถูกแชร์ออกไป ก็เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์จำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่ และอดทนอดกลั้นเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์บานปลาย
ต่อมาผู้สื่อข่าวสอบถามไปยัง พ.ต.อ.ถนอมสิทธิ์ วงศ์วิจารณ์ ผกก.สภ.พล กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวในคลิปเกิดขึ้นช่วงประมาณวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 31 ธ.ค.2562 โดยชายที่อยู่ในคลิปเป็นชายวัย 50 ปี อาศัยอยู่ในตลาดพล อ.พล จ.ขอนแก่น ก่อนเกิดเหตุ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พล ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า มีชายดังกล่าวขับรถยนต์กระบะไปชนป้ายร้านอาหารแห่งหนึ่งจนได้รับความเสียหายแล้วหลบหนี ซึ่งทางเจ้าของร้านได้โทรศัพท์แจ้งตำรวจ 191 พอตำรวจมาถึงได้ออกติดตามหารถคันดังกล่าว และไปเจอรถคันดังกล่าวจอดริมถนนหน้าบ้านตัวเอง ซึ่งชายดังกล่าวนั่งดื่มสุราอยู่ภายในบ้าน จึงได้ล็อกล้อไว้เพื่อดำเนินการตามขั้นตอน แต่ชายดังกล่าวได้วิ่งออกมาโวยวาย ไม่ยอมให้เอารถไป และไม่ให้ล็อกล้อ เหมือนที่อยู่ในคลิป
...
โดยในวันดังกล่าว ทางเจ้าของร้านกับทางชายดังกล่าวได้มีการตกลงค่าเสียหายกัน และไม่ติดใจเอาความ และประมาณ 2-3 วันถัดมาทางชายดังกล่าวได้นำกระเช้ามาขอโทษทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร คาดว่าหลังจากแอลกอฮอล์หมดฤทธิ์ อาจจะไปนั่งคิดทบทวนกับสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วนำกระเช้ามาขอโทษตามคลิปที่ 2 ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้น ถือเป็นภาพสะท้อนทั้งการทำงานของตำรวจที่ต้องอยู่ภายใต้การปะทะต่างๆ รวมทั้งสุราที่เป็นน้ำเปลี่ยนนิสัย ทำให้พฤติกรรมต่างๆ เปลี่ยนไป พอมีโซเชียลก็จะทำให้เกิดเป็นเรื่องราวต่างๆ มากมายเกิดขึ้น
อยากจะฝากถึงทุกๆคน ทุกๆฝ่าย ให้มีสติ และทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรก็ไม่ได้ติดใจอะไร และในส่วนของกฎหมายก็พิจารณาไปตามกรอบตามขั้นตอนต่อไป.