คนขับรถขนพริกขึ้นโรงพัก แจ้งความดำเนินคดีกับตำรวจทางหลวงป้อมทางหลวงพรุพ้อ อ.รัตภูมิ ให้ถึงที่สุด ยันยางวิ่งมาแค่พันโล ระเบิดเองได้ไง

จากกรณีคนขับรถกระบะขนพริกไลฟ์สดขณะปะทะคารมกับตำรวจทางหลวง ขณะถูกเรียกตรวจที่หน้าศูนย์บริการตำรวจทางหลวงรัตภูมิ หรือป้อมทางหลวงพรุพ้อ อ.รัตภูมิ จ.สงขลา ระหว่างนั้นได้เกิดยางล้อรถกระบะระเบิดขึ้น พร้อมกับตำรวจทางหลวงนายหนึ่งที่วิ่งมาด้วยอาการบาดเจ็บ และมีการตั้งข้อสงสัยว่าเป็นการใช้มีดกรีดยางรถไม่ใช่อุบัติเหตุ ตามที่ได้รายงานข่าวไปก่อนหน้านี้ (ตำรวจทางหลวง แจงดราม่าเรียกตรวจ "รถกระบะยางระเบิด" เป็นอุบัติเหตุ)

ล่าสุด เมื่อวันที่ 4 ธ.ค. 62 นายพรพจน์ แซ่ล้อ อายุ 26 ปี เจ้าของรถกระบะขนพริก และ นายพรศักดิ์ แซ่ล้อ อายุ 31 พี่ชายซึ่งเป็นผู้ช่วยขับรถและเป็นคนไลฟ์สดเหตุการณ์นี้ ได้เดินทางไปยังแจ้งความกับ ร.ต.อ.ธีรวัฒน์ สังเมียน รองสารวัตรสอบสวน สภ.รัตภูมิ เพื่อให้ดำเนินคดีกับตำรวจทางหลวงนายนี้

เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน และเร่งดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายทั้งสอบปากคำผู้เสียหาย รวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด และจะเรียกคู่กรณีมาสอบสวนและแจ้งข้อกล่าวหาที่เกี่ยวข้องว่าเข้าข่ายความผิดข้อหาใดบ้าง และจะส่งเรื่องไปยังปปช.ดำเนินการเนื่องจากคู่กรณีเป็นข้าราชการตำรวจ

...

นายพรพจน์ เจ้าของรถ เปิดเผยว่า ตนจะดำเนินการเอาผิดกับตำรวจทางหลวงนายนี้จนถึงที่สุดทั้งทางวินัย และทางอาญา และจะไม่มีการยอมความและไม่กลัวแม้ว่าคู่กรณีจะเป็นตำรวจ หรืออาจจะส่งผลกระทบกับอาชีพรับจ้างขนผัก

"สาเหตุที่ยางระเบิดไม่ได้มาจากอุบัติเหตุแน่นอน เพราะเป็นยางใหม่วิ่งได้พันกว่ากิโลเท่านั้น แต่ลักษณะเป็นรอยกรีดชัดเจน และขณะที่ยางระเบิดก็มีตำรวจทางหลวงนายนี้นายเดียวที่ไปตรวจรถ"

ส่วนสาเหตุที่ปะทะคารมกันนั้น เป็นเพราะตำรวจทางหลวงนายนี้เรียกตรวจรถแต่ไม่มีอะไรผิดทั้งความสูง และท่อดัง เมื่อถามว่าแจ้งข้อหาอะไรก็ไม่ได้รับคำตอบและถูกด่าด้วยคำหยาบคายประกอบกับตนต้องทำเวลาเพื่อไปส่งพริกให้ทันจึงเกิดเหตุการณ์ที่ปรากฏในคลิปไลฟ์สดขึ้นมา

นายพรพจน์ ยังกล่าวอีกว่า เรื่องที่ทางร้อยเวรในวันนั้นออกมาบอกว่าได้มีการเจรจาและเคลียร์ปัญหากันจบแล้วนั้นเป็นเพียงคดีแพ่งที่ทางตำรวจทางหลวงยอมเปลี่ยนยางใหม่ให้ และให้การช่วยเหลือสามารถนำพริกไปส่งได้ทันเวลา ซึ่งมีมูลค่ากว่า 4 แสนบาท แต่ในทางคดีอาญาตนไม่ได้พูด หรือบอกว่าจะยอมความจึงได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับตำรวจทางหลวงนายนี้จนถึงที่สุดจะไม่มีการเคลียร์หรือยอมความแน่นอน

ทั้งนี้ เบื้องต้นทางสถานีตำรวจทางหลวง 3 กองกำกับการ 7 ได้มีคำสั่งย้ายตำรวจทางหลวงนายนี้ไปช่วยราชการที่ตำรวจทางหลวง อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี พร้อมกับตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงภายใน 7 วัน หากพบว่ากระทำผิดก็จะดำเนินการทางวินัยอย่างเด็ดขาด โดยเจ้าตัวได้ไปรายงานตัวที่ตำรวจทางหลวงโคกโพธิ์ จ.ปัตตานีแล้ว ในสภาพที่แขนขวายังเข้าเฝือก