วางเกณฑ์เข้มมีทักษะภาษาอังกฤษ-ดิจิทัล
นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยถึงการปรับปรุงหลักเกณฑ์และวิธีการการคัดเลือกเพื่อบรรจุและแต่งตั้งตำแหน่งผู้อำนวยการสถานศึกษาและรองผู้อำนวยการสถานศึกษา ว่า ตนต้องการให้มีการปรับปรุงการเข้าสู่ตำแหน่งผู้บริหารใหม่ รวมถึงผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ด้วย เนื่องจากกลุ่มคนเหล่านี้ถือเป็นนักบริหารที่สำคัญในการเป็นผู้นำของการขับเคลื่อนการศึกษาไทย ดังนั้น หลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกต้องดำเนินการแบบเข้มข้น และคุณสมบัติของการเป็นผู้บริหารโรงเรียนจะต้องมีความรู้ด้านดิจิทัล และภาษาอังกฤษ ส่วนผู้บริหารโรงเรียนในอนาคตจะต้องมีหนี้สินไม่เกิน 50% ของเงินเดือนนั้น ตนก็อยากจะให้เป็นมาตรฐานหนึ่งที่น่าจะมีไว้ เพราะถือเป็นการสร้างวินัยทางการเงินของผู้บริหารโรงเรียน ซึ่งจะต้องมีเงินเดือนเหลือติดในบัญชีให้ได้ครึ่งหนึ่งของเงินเดือน เช่น ได้รับเงินเดือนละ 50,000 บาท แต่เป็นหนี้อยู่ 45,000 บาท แต่จะมาเป็นผู้บริหารโรงเรียนนั้นจะมีความเหมาะสมหรือไม่ เป็นต้น เพราะสิ่งเหล่านี้ถือเป็นการวางระบบแก้ปัญหาหนี้สินครูในอนาคตด้วย
“ปัจจุบันทั้งครูและผู้บริหารต้องมีทักษะด้านภาษาและดิจิทัล ซึ่งคณะทำงานอยู่ระหว่างการปรับปรุงหลักเกณฑ์ดังกล่าวอยู่ เพื่อให้ได้หลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกที่เหมาะสม เป็นช่วงเวลาของการปรับเปลี่ยนเพื่อให้มีความเข้มข้นในการคัดเลือกผู้บริหาร ซึ่งยังไม่รู้ว่าการคัดเลือกผู้บริหารจะออกมาในรูปแบบใด” รมว.ศึกษาธิการกล่าว
ด้านนายอำนาจ วิชยานุวัติ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวว่า การปรับปรุงหลักเกณฑ์วิธีการคัดเลือกผู้บริหาร รมว.ศธ.ได้ให้นโยบายว่า หากจะเป็นผู้บริหารโรงเรียน เราต้องมีการวางแผนเรื่องการเงินที่ดี เพราะขณะนี้ปัญหาหนี้สินครูมีจำนวนมาก อีกทั้งเรื่องการเงินถือเป็นจรรยาบรรณหนึ่งของสังคมด้วย เช่น เราอาจจะดูว่าเงินเดือนในระบบของครูที่มีการเบิกจ่ายตรงกับกรมบัญชีกลาง มีเงินเดือนเหลือถึงครึ่งหนึ่งของเงินเดือนหรือไม่ และบุคคลนั้นสมควรเป็นผู้บริหารโรงเรียนหรือไม่ เป็นต้น ซึ่งถือเป็นการเตรียมความพร้อมและเป็นต้นแบบให้แก่ข้าราชการครู โดยไม่ใช่คนที่อยากจะมาเป็นผู้บริหารมีหนี้ติดลบและได้มาเป็นผู้บริหารโรงเรียนแล้วแต่กลับมาทำเรื่องทุจริตขึ้น ถือเป็นภาพลักษณ์ที่ไม่ดี เพราะผู้บริหารต้องวางตัวให้ดี จะต้องเป็นกระจกเงาสะท้อนให้กับสังคม.
...