ป้อนแรงงานสู่ภาคธุรกิจ

เมื่อวันที่ 22 พ.ย. ที่วิทยาลัยการอาชีวศึกษาปทุมธานี สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) จัดการประชุมสัมมนาผู้บริหารสถานศึกษา สังกัด สอศ. เพื่อขับเคลื่อนการอาชีวศึกษา ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 โดยนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ กล่าวมอบนโยบายเรื่อง “การอาชีวศึกษากับการพัฒนาประเทศ” ตอนหนึ่งว่า กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ให้ความสำคัญกับอาชีวศึกษามากกว่า หน่วยงานอื่นๆ เพราะเป็นการศึกษาที่เชื่อมต่อกับการทำงาน แต่ปัจจุบันเราไม่มีแรงงานฝีมือที่จะตอบโจทย์ความต้องการของประเทศได้ ตามที่รัฐบาลวางนโยบายชัดเจนว่าจะผลักดันประเทศอย่างเต็มศักยภาพ เพื่อที่ไทยจะเป็นหนึ่งผู้เล่นสำคัญในเวทีโลก และมีโอกาสสร้างการลงทุนในประเทศให้เพิ่มขึ้น ดังนั้น สอศ.จะต้องสร้างทักษะฝีมือแรงงานของประเทศ ซึ่งพอมีเวลาเตรียมตัวในช่วง 2-3 ปีนี้ โดยสิ่งที่สำคัญคือ การเปลี่ยนวิธีการทำงาน วิธีการคิดใหม่ ทุกอย่างที่ผู้บริหารวิทยาลัยจะพูด จะคิด หรือจะลงมือทำอะไร ตนขอให้คิดถึงเด็กอาชีวะเป็นที่ตั้ง

รมว.ศธ.กล่าวอีกว่า เรื่องการพัฒนาอาชีวศึกษาให้ตอบโจทย์การพัฒนาประเทศได้อย่างยั่งยืนมี 7 ประเด็นหลักคือ

1.ดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี

2.สร้างคุณภาพการจัดการเรียนการสอนภายใต้ความร่วมมือกับสถานประกอบการ ยกระดับการจัดการศึกษาในระบบทวิภาคี

3.เร่งยกระดับความสามารถทางภาษา พัฒนาการเรียนการสอนภาษาอังกฤษแบบเข้มข้น

4.ส่งเสริมการเรียนรู้ การใช้ดิจิทัล เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร

5.ความร่วมมือกับต่างประเทศเพื่อยกระดับอาชีวะมาตรฐานสากล อาทิ เยอรมนี ออสเตรีย จีน เกาหลี ญี่ปุ่น

6.การผลิตและพัฒนากำลังคนให้เพียงพอต่อความต้องการของสถานประกอบการ และต่อยอดทักษะอาชีพ หรือเสริมทักษะอาชีพในสาขาขาดแคลน

...

7.การปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลง สำหรับสิ่งที่สำคัญในการพลิกการเรียนอาชีวศึกษาไทย

สิ่งแรกตนมองว่าต้องสร้างความร่วมมือระหว่าง สอศ.และสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เพื่อให้เห็นแนวทางที่ชัดเจนว่า อาชีวศึกษาเป็นทางเลือกที่สำคัญของประเทศ เพราะด้วยการเจริญเติบโตของประเทศ ความต้องการผู้ที่จบในสายอาชีพก็จะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และจะต้องมีคุณภาพที่เหมาะสมกับการเปลี่ยนแปลงของโลกด้วย ดังนั้นการพลิกประเทศไทยได้ เราจำเป็นต้องยกระดับอาชีวะทั้งประเทศ

“สำหรับศูนย์การเรียนรู้ หรือ Excellent Center เป็นการนำทรัพยากร มาวางในพื้นที่ที่สามารถลงทุนตามกลุ่มธุรกิจต่างๆได้ตามความเหมาะสม ศูนย์นี้จะฝึกทักษะทางอาชีพจริงด้วย ซึ่งจะทำให้ผู้ประกอบการไม่ต้องเสียเวลาสอนงานเด็กอาชีวะใหม่ทั้งหมด ทั้งนี้ หากเราสามารถบริหารจัดการตรงนี้ได้ สอศ.จะสามารถครอบคลุมกลุ่มธุรกิจทุกธุรกิจที่จะมาเป็นหลักในการขับเคลื่อนประเทศได้” นายณัฏฐพลกล่าว.