อาม่าเจ้าของธุรกิจ ฟ้องลูกสาวแท้ๆ และเจ้าหน้าที่ธนาคาร อ้างถอนเงินจนเกลี้ยงบัญชีเกือบ 300 ล้านบาท ขณะที่ธนาคารร่อนจดหมายชี้แจง ยันพนักงานทำตามประสงค์ของญาติ ไม่มีเจตนาทุจริต
วันที่ 19 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นางฮวย ศรีวิรัตน์ และ นางสาวมินตรา ศรีวิรัตน์ หลานสาว ผู้รับมอบอำนาจ พร้อมด้วย นายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความ เดินทางไปที่ศาลแพ่งพระโขนง เพื่อยื่นฟ้องธนาคารแห่งหนึ่ง และพนักงานของธนาคาร เป็นจำเลย ที่ 1-5 และมีจำเลยที่ 6 เป็นบุตรคนที่ 2 ของนางฮวยเอง
โดยอ้างว่า ลูกสาว และพนักงานของธนาคาร ลอบถอนเงินจากบัญชีธนาคาร และเงินกองทุน ของตนเอง ไปจนหมด เมื่อทวงถามลูกสาวก็อ้างว่า ใช้เงินไปหมดแล้ว
นางสาวมินตรา หลานสาว เปิดเผยว่า อาม่า เป็นเจ้าของธุรกิจประกอบชิ้นส่วนคอมเพรสเซอร์ แอร์ เมื่อประมาณต้นปี 2556 ถึง 2557 อาม่า ล้มป่วยด้วยโรคเส้นเลือดหัวใจตีบ เข้าออกโรงพยาบาลบ่อยครั้ง ซึ่งมีลูกสาวคนที่ 2 ของอาม่า คอยดูแลเฝ้าอาการที่โรงพยาบาล เป็นประจำ แต่ระยะหลัง เริ่มผิดปกติ มีการกันไม่ให้อาม่าทำกายภาพบำบัด ตามที่แพทย์สั่ง กีดกันไม่ให้ผู้อื่นเข้าเยี่ยม จากนั้นอาม่า ก็เริ่มมีอาการแย่ลง มือ ขา อ่อนแรง สติสัมปชัญญะไม่สมบูรณ์ และไม่สามารถเดินได้
นอกจากนี้ นางสาวมินตรา ยังอ้างว่า ช่วงที่นางฮวยป่วย ลูกสาวได้เปลี่ยนเงื่อนไขการเบิกถอนเงินจากธนาคาร และธุรกรรมต่างๆ จากลงลายมือชื่อ เป็นพิมพ์ลายนิ้วมือ แล้วนำไปเบิกเงินจากธนาคารต่างๆ รวมแล้ว 278 ล้านบาท
...
จากนั้นก็มีการไปเปิดบัญชีเงินฝากใหม่ ที่ธนาคารแห่งหนึ่ง เป็นบัญชีร่วมระหว่างลูกสาวคนที่ 2 และนางฮวย โดยมีเงินฝากประมาณ 257 ล้านบาท
กระทั่งกลางปี 2560 นางฮวย อาการดีขึ้น กลับมาอยู่กับลูกชายคนโต จึงได้ตรวจสอบบัญชีเงินฝาก จนพบว่า เกิดความผิดปกติขึ้น เมื่อถามไปยังธนาคาร ก็พบว่า ไม่มีเงินในบัญชีแล้ว จึงได้แจ้งความดำเนินคดีตามกฎหมาย
ด้าน ทนายอนันต์ชัย เปิดเผยว่า เหตุการณ์นี้เริ่มขึ้นหลัง นางฮวย ล้มป่วย ซึ่งตรวจสอบแล้ว พบว่า ลูกสาวคนที่ 2 ร่วมกับพนักงานธนาคารแห่งหนึ่ง กลุ่มจำเลย ที่ 2-5 เปลี่ยนแปลง ปลอมแปลง ลายมือชื่อ นางฮวย เพื่อมอบอำนาจ ให้ลูกสาว มีสิทธิ์เบิกถอนเงินฝาก และกองทุนบัญชี แล้วเปิดบัญชีใหม่ โดยที่นางฮวย ไม่รู้
โดยวันนี้ นางฮวย ยื่นฟ้องจำเลย ในความผิดละเมิด , ฝากทรัพย์ , เรียกทรัพย์คืน , ตัวการตัวแทน เพื่อให้กลุ่มจำเลยชดใช้เงินคืนพร้อมดอกเบี้ย รวมเป็นเงินประมาณ 350 ล้านบาท ซึ่งศาลประทับรับฟ้อง และนัดสืบพยานในวันที่ 19 มกราคม 2563
ขณะที่ ธนาคารกสิกรไทย ได้ร่อนจดหมายชี้แจง ถึงกรณี นางฮวย ที่ฟ้องคดีอาญาลูกสาว และพนักงานของธนาคารกสิกรไทย ความผิดฐานลักทรัพย์ ทำเอกสารปลอม และใช้เอกสารปลอมเกี่ยวกับการเบิกถอนเงินจากบัญชีเงินฝากของลูกค้า และฟ้องคดีแพ่งกับธนาคาร
โดยธนาคาร ขอชี้แจงว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดเมื่อปี 2557 และพนักงานดำเนินการไปตามความประสงค์ลูกค้าผ่านทางญาติสนิท โดยไม่มีเจตนาทุจริต ทั้งนี้ ในชั้นนี้ มีการฟ้องร้องเป็นคดีเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว ซึ่งจะต้องมีการพิสูจน์ข้อเท็จจริง ทั้งรายการที่เกิดในฝั่งธนาคาร ข้อมูลความสัมพันธ์ในทางครอบครัว และข้อมูลแวดล้อมอื่นๆ โดยธนาคารพร้อมให้ข้อเท็จจริงและนำเสนอพยานหลักฐานต่อศาล และยินดีปฏิบัติตามคำวินิจฉัยของศาลยุติธรรม.