ตาและป้าเด็กเชื่อ พ่อที่เป็นฤาษี พาลูกสาววัย 15 ปีไปอยู่ด้วยกันที่ถ้ำ ข่มขืน ขืนใจ ทำร้ายร่างกาย จนเด็กตั้งท้อง 1 เดือน
จากกรณีพ่อเป็น ฤๅษี ทิ้งลูกสาวไป 15 ปี อยู่ๆ โผล่มาขอลูกจากแม่ไปอยู่ถ้ำ ญาติไม่เอะใจ ล่าสุดเด็กโทรให้พากลับบ้าน แม่สงสัยพาไปตรวจร่างกาย พบเด็กกำลังตั้งครรภ์ ตามที่ได้เสนอข่าวไปก่อนหน้านี้
ล่าสุด ตาน้องจอย (นามสมมติ) เปิดเผยกับทีมข่าวไทยรัฐว่า ตนเลี้ยงหลานมาตั้งแต่แบเบาะ เพราะพ่อทิ้งไปไม่เหลียวแลเลี้ยงดู กระทั่งหลานอายุ 14 ปี เรียนชั้น ม.2 พ่อจึงมาแสดงตัวและขอลูกสาวไปอยู่ด้วย ตนเห็นแก่ความเป็นพ่อลูกจึงให้ไป และหลานก็ย้ายไปเรียนหนังสือที่ อ.ศรีวิไล จ.บึงกาฬ
ตั้งแต่พ่อมารับน้องจอยไปอยู่ด้วยเป็นเวลาประมาณ 1 ปี และเมื่อประมาณ 3 เดือนที่ผ่านมา หลานสาวโทรศัพท์ให้ญาติที่ชุมแพไปรับกลับบ้าน เมื่อญาติไปรับก็พบสภาพหลานที่ถูกกล้อนผม หน้าตาบวมเขียว ตนพยายามถามหาความจริงแต่หลานไม่พูด จึงปล่อยไปและให้เข้าเรียนต่อ
จากนั้นไม่นานในทุกเย็นวันศุกร์ พ่อที่แต่งตัวเป็นฤาษี ขับรถมารับลูกออกจากโรงเรียน และจะพามาส่งที่บ้านในเย็นวันอาทิตย์ ทุกครั้งที่พ่อมาส่งที่บ้านก็จะเห็นกิริยาของหลานสาวที่เปลี่ยนแปลงไป ไม่เหมือนพ่อลูก เหมือนคู่รักชายหญิงที่แสดงความรักต่อกัน ถามหลานสาว แต่หลานไม่พูด
"คืนวันที่ 27 ต.ค.ที่ผ่านมา ฤาษีมาส่งลูกสาวที่บ้าน เมื่อจอดรถก็ลงจากรถด้วยอาการเมา ถือมีดดาบเข้ามาทำร้ายตา ตาจึงสู้ จนมีดดาบหลุดมือ จากนั้นตาก็วิ่งไปขอความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้านให้แจ้งตำรวจ เพราะตาไม่อยากฆ่าคนชั่ว เมื่อตำรวจมาระงับเหตุ ฤาษีจึงขับรถออกไป"
...
ตาน้องจอย กล่าวอีกว่า ตอนนี้ครอบครัวรู้ความจริงแล้วว่า ฤาษี ซึ่งเป็นพ่อแท้ๆ ข่มขืนลูกจนลูกตั้งท้อง และหลานสาวก็ยอมพูดความจริงให้คนในครอบครัวฟังหมดแล้ว ครอบครัวจึงได้เดินทางเข้าไปขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งก็ได้รับการช่วยเหลือเป็นอย่างดี และขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตามจับกุมฤาษีมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ถึงที่สุด
ขณะที่ป้าของน้องจอย กล่าวว่า ฤาษี ที่เป็นพ่อของหลานสาวนั้น จริงๆ แล้วมีลูก 2 คน คือ พี่ชายน้องจอย และน้องจอย แต่พ่อหายตัวไปตั้งแต่หลานสาวอายุ 1 เดือน ปรากฏตัวอีกทีหลานก็เป็นสาวแล้ว เมื่อกลางปี 61 มีชายหญิงคู่หนึ่งมาหาตายายที่บ้าน บอกว่า พ่อที่บวชเป็นพระอยู่ที่ อ.ศรีวิไล ป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย อยากให้ลูกสาวไปดูใจครั้งสุดท้าย หลานสาวจึงไปหาพ่อที่วัดแห่งหนึ่ง อยู่กลางทุ่งนาใน อ.ศรีวิไล แต่ไม่นานก็กลับมา
ครั้งนั้นไม่มีอะไรผิดปกติ กระทั่งช่วงก่อนเข้าพรรษา ฤาษีติดต่อมาให้พาลูกสาวไปหา โดยนัดกันที่ บขส.อุดรธานี เมื่อถึง บขส.อุดรธานี ฤาษีก็มารับไปที่ถ้ำแห่งหนึ่ง จึงทราบว่าฤาษีย้ายจากวัดมาอยู่ที่ถ้ำ
ขณะที่อยู่ที่ถ้ำนั้น ฤาษีได้มอบยาลูกกลอนที่ฤาษีมีสูตรยาผลิตขึ้นมาเอง นำมาให้กิน และบอกว่าเป็นยาดี ฤาษีบอกกินแก้ปวดมดลูก และฤาษียังบอกอีกว่า ได้ให้หลานสาวกินยาลูกกลอนหลังอาหารเช้าเย็น ทำให้หลานสาวมีร่างกายแข็งแรง จึงรับยาดังกล่าวจากฤาษีกลับมาไว้ที่บ้าน แต่ไม่กล้ากิน
"ตอนอยู่ที่ถ้ำ ตอนกลางคืนหลานสาวก็อาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าเข้าไปนอนห้องเดียวกับพ่อ เมื่อเข้าไปดูในห้องนอนในถ้ำพบว่ามีที่นอนเพียงที่เดียว หมอนวางคู่ มุ้งครอบอันเดียว แต่ยังไม่คิดไปไกล เพราะกลัวไม่เป็นจริง"
กระทั่ง หลังจากหลานสาวกลับมาอยู่บ้าน ฤาษีมาส่งลูกสาวที่บ้าน 27 ต.ค. และพยายามจะเอาหลานสาวไปอยู่ด้วยแบบถาวร แต่ทุกคนไม่ให้หลานสาวไป จากนั้นช่วงสิ้นเดือน ขณะที่หลานสาวไปเรียนหนังสือ มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน จึงไปรับกลับบ้าน
จากนั้นพาไปหาหมอ และพบว่าหลานตั้งครรภ์ 1 เดือน หลานรีบโทรบอกฤาษี และฤาษีพยายามเกลี้ยกล่อมให้หลานสาวกลับไปอยู่ด้วยกัน แต่หลานไม่ไป พร้อมกับบอกกับฤาษีว่า จะเอาลูกในท้องออก จากนั้นทุกคนในครอบครัวจึงได้รู้ความจริงทั้งหมดว่า ฤาษี ซึ่งเป็นพ่อแท้ๆ ได้ทำการข่มขืนลูกสาวตัวเองในช่วงที่กำลังเข้าเรียนชั้น ม.3
เมื่อความจริงเปิดเผย ทุกคนห่วงความรู้สึกของหลานสาว และพยายามช่วยกันดูแลเพราะกลัวหลานสาวจะคิดสั้น จึงหาทางออกร่วมกัน และได้ปรึกษากับเพื่อนที่เป็นข้าราชการ จึงได้รับคำแนะนำให้เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเข้าขอความช่วยเหลือกับเจ้าหน้ที่ พม. ซึ่งก็ได้รับการช่วยเหลือด้วยดี
ขณะนี้มารดาของหลานสาว และญาติบางส่วน พร้อมเจ้าหน้าที่จากจังหวัดขอนแก่น กำลังเดินทางไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ศรีวิไล จ.บึงกาฬ เพื่อให้ดำเนินการสืบสวนสอบสวน และจับกุม ฤาษี หรือพ่อแท้ๆ รายนี้มาดำเนินการตามกฎหมาย.