เปิดใจ แม่ของเด็กปี 1 ถูกรุ่นพี่รับน้องโหด ล่าสุดให้ลูกชายยื่นใบลาออกแล้ว ด้านมหาวิทยาลัย เร่งตรวจสอบ พบมีนักศึกษากลุ่มหนึ่งไปทำกิจกรรมภายนอก โดยไม่ได้รับอนุญาต

จากกรณีโลกออนไลน์แชร์ภาพบทสนทนาของผู้ปกครองรายหนึ่ง อ้างว่า หลานชายเรียนมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งใน จ.เชียงใหม่ ถูกรุ่นพี่จัดกิจกรรมรับน้องโหด มีการทำร้ายร่างกาย ซึ่งต่อมาผู้ปกครองได้เข้าแจ้งเรื่องกับทางมหาวิทยาลัยและแจ้งความกับตำรวจ สภ.แม่โจ้ แต่ยังไม่มีความคืบหน้า

ล่าสุด วันที่ 3 พ.ย.62 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางทราย (นามสมมติ) อายุ 43 ปี ผู้ปกครองของ "น้องเค" (นามสมมติ) หนึ่งในนักศึกษาชั้นปีที่ 1 ที่ถูกทำร้ายร่างกาย เปิดเผยว่า ลูกชายมีร่องรอยของการถูกทำร้าย ลักษณะเป็นรอยแดงจากการถูกตีด้วยมืออย่างรุนแรง ซึ่งก่อนหน้านี้ทราบจากลูกชายว่า รุ่นพี่ได้จัดกิจกรรมรับน้องที่เรียกว่า 7 วันอันตราย หลังจากมหาวิทยาลัยเปิดเทอม ซึ่งลูกชายก็ทนทำกิจกรรมจนผ่านมาได้

แต่หลังจากนั้น รุ่นพี่ยังจัดกิจกรรมรับน้องอย่างต่อเนื่องทุกสัปดาห์ ซึ่งมีความรุนแรง ทารุณรุ่นน้อง และได้ให้รุ่นน้องสาบานว่าจะไม่เอาเรื่องราวการจัดกิจกรรมนั้นไปเผยแพร่ให้ใครทราบแม้กระทั่งผู้ปกครอง แต่ลูกชายทนไม่ไหวจึงนำมาเล่าพร้อมส่งภาพร่องรอยที่ถูกรุ่นพี่ทำร้ายมาให้ดู เมื่อค่ำคืนเวลาประมาณ 22.00 น. ของวันที่ 4 ต.ค.ที่ผ่านมา ตนเห็นภาพก็ตกใจว่าทำไมที่มหาวิทยาลัยดังกล่าวจึงมีการจัดกิจกรรมรับน้องที่รุนแรง

...

จากนั้นตนจึงนำหลักฐานเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่โจ้ อ.สันทราย ในช่วงเช้าของวันที่ 5 ต.ค.ที่ผ่านมา แต่ทางตำรวจแจ้งว่าการดำเนินการดังกล่าวจะต้องไปพูดคุยกับทางมหาวิทยาลัยก่อน จึงจะสามารถดำเนินการกับคนที่กระทำความผิดได้ แต่เมื่อตนได้เข้าพูดคุยกับทางมหาวิทยาลัยก็ยังไม่มีการดำเนินการใดๆ จึงนำเรื่องราวที่เกิดขึ้นมาโพสต์เพื่อต้องการเรียกร้องให้ทางมหาวิทยาลัยมีการตรวจสอบและดำเนินการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น แม้ว่าทางมหาวิทยาลัยนั้นจะมีการติดป้ายว่าไม่ส่งเสริมให้มีการรับน้องรุนแรง หรือไม่สร้างสรรค์แล้วก็ตาม แต่ก็มีรุ่นพี่บางกลุ่มยังละเมิดกฎและแอบเอารุ่นน้องไปทำกิจกรรมในที่ลับตาคนซึ่งเป็นข้อมูลที่ตนได้ทราบจากลูกชายมาทั้งหมด

แต่หลังจากเกิดเรื่องและผ่านมาถึงตอนนี้ก็ยังพบว่าไม่มีความคืบหน้า จึงตัดสินใจให้ลูกชายยื่นใบลาออกกับทางมหาวิทยาลัยแล้วด้วย เพราะกลัวว่าหากปล่อยให้เป็นแบบนี้ก็จะมีผลกระทบกับลูกชาย แม้ว่ากิจกรรมดังกล่าวจะถือเป็นธรรมเนียมที่รุ่นพี่ถือปฏิบัติกันมาต่อเนื่อง แต่ตนก็เห็นว่ามันเป็นการกระทำที่รุนแรงและทารุณมากเกินไป และแม้ว่าจะมีนักศึกษาที่ทนได้ก็ตาม

ยอมรับว่าตอนแรกตนสนับสนุนให้ลูกชายเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยนี้อย่างเต็มที่เพราะลูกชายตั้งใจจะมาเรียนที่สาขานี้ อีกทั้งยังเป็นมหาวิทยาลัยที่ลูกชายได้โควต้าด้วย แต่สุดท้ายกลับต้องมาเจอเรื่องแบบนี้จึงทำใจยอมรับไม่ได้ ส่วนการดำเนินการนั้นยังคงรอทางมหาวิทยาลัยเซ็นอนุมัติการยื่นใบลาออกอยู่ และต้องยอมให้ลูกชายดร็อปเรียนไป 1 ปี จากนั้นจึงจะเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยอื่นอีกครั้ง

อย่างไรก็ตามจากเรื่องราวที่เกิดขึ้นตนอยากให้ทางมหาวิทยาลัยมีการตรวจสอบและแก้ไขกรณีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบกับนักศึกษาที่ตั้งใจเข้ามาเรียนอีกในอนาคตด้วย


อย่างไรก็ตาม เพจของมหาวิทยาลัยได้โพสต์ข้อความชี้แจงถึงกรณีดังกล่าวว่า เบื้องต้นมหาวิทยาลัยได้ตรวจสอบหาข้อเท็จจริง พบว่ามีนักศึกษากลุ่มหนึ่งไปทำกิจกรรมภายนอกมหาวิทยาลัยโดยไม่ได้รับอนุญาต อยู่นอกเหนือจากกิจกรรมที่มหาวิทยาลัยกำหนด ซึ่งเป็นการกระทำเกิดกว่าเหตุ และเป็นความผิดที่มหาวิทยาลัยห้ามโดยเด็ดขาดมีโทษทางวินัยนักศึกษา

ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยไม่มีนโยบายให้จัดกิจกรรมรับน้องนอกเหนือจากที่มหาวิทยาลัยกำกับดูแล และการจัดกิจกรรมต่างๆ มหาวิทยาลัยกำหนดให้ต้องมีเจ้าหน้าที่ หรืออาจารย์ ควบคุมดูแลในทุกกิจกรรม หากมีการกระทำนอกเหนือจากที่มหาวิทยาลัยกำหนด ถือว่ามีโทษทางวินัยนักศึกษา ผู้กระทำผิดจะถูกตัดคะแนนความประพฤติ พักการศึกษา หรือไล่ออก ซึ่งได้ออกประกาศในมาตรการการควบคุมดูแลการพัฒนานักศึกษา และบทลงโทษที่ชัดเจน

มหาวิทยาลัยขอแสดงความเสียใจเป็นอย่างสูงกับนักศึกษาและครอบครัวผู้เสียหาย อย่างไรก็ตาม มหาวิทยาลัยจะเร่งดำเนินการจัดการผู้กระทำความผิดตามมาตรการควบคุมดูแลการพัฒนานักศึกษา เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ผู้เสียหายโดยเร็วที่สุด.