หลังสถานการณ์อุทกภัยพายุโพดุล ตั้งแต่วันที่ 26 สิงหาคม–3 กันยายน ที่ผ่านมา ในพื้นที่ จ.อุบลราชธานี

สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) ได้ประเมินมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจในพื้นที่ ภาพรวมคิดเป็นมูลค่า 2,027.20 ล้านบาท จำแนกเป็น ด้านพืช มูลค่า 1,885.53 ล้านบาท ด้านปศุสัตว์ มูลค่า 2.04 ล้านบาท และ ด้านประมง มูลค่า 139.63 ล้านบาท

แม้หลายหน่วยงานจะเร่งให้ความช่วยเหลือเยียวยาแล้ว แต่ในระหว่างที่เกษตรกรรอฤดูนาปรังในอีก 2 เดือนข้างหน้า จะปลูกอะไรดีสร้างรายได้ พร้อมไปกับมีตลาดรองรับ สศก. มีคำตอบ

ขึ้นฉ่าย...กำไรไร่ละ 33,670 บาท คะน้า...กำไรไร่ละ 23,249 บาท ผักบุ้ง...กำไรไร่ละ 6,711 บาท พืชเหล่านี้มีอายุเก็บเกี่ยวระยะสั้นประมาณ 45 วัน ให้กำไรค่อนข้างดี และมีตลาดรองรับแน่นอน

สำหรับพืชทางเลือกอื่นที่ต้องใช้ระยะเวลาเพาะปลูกยาวขึ้น เหมาะสำหรับเพาะปลูกก่อนฤดูทำนาปีช่วงเดือนพฤษภาคม และทำได้ราคาดี ได้แก่ ถั่วฝักยาว กำไรไร่ละ 41,641 บาท

แตงกวา กำไรไร่ละ 8,958 บาท พริก กำไรไร่ละ 117,549 บาท ผักชีฝรั่ง กำไรไร่ละ 10,883 บาท และ แคนตาลูป กำไรไร่ละ 36,030 บาท

...

เกษตรกรสามารถขายสินค้าให้กับพ่อค้าในท้องถิ่นที่มารับซื้อถึงหน้าสวน หรือขายส่งตลาดวารินเจริญศรี (แหล่งขายส่งพืชผัก) และตลาดเทศบาลวารินชำราบ

เกษตรกรสามารถขอคำปรึกษา คำแนะนำในการปลูกพืช เพื่อสร้างรายได้หลังน้ำลด ได้ที่สำนักงานเกษตรจังหวัด.