ภรรยา "บิลลี่" เปิดใจ หลังรู้สามีตายอยู่ใต้น้ำแก่งกระจาน เศร้าลูกถามทุกวันพ่อหายไปไหน พร้อมขอบคุณดีเอสไอช่วยตามจนเจอ วอนนำตัวคนทำผิดมาลงโทษตามกฎหมาย

จากกรณี กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) แถลงความคืบหน้าคดีการสูญหายของ นายพอละจี รักจงเจริญ หรือ "บิลลี่" ชาวกะเหรี่ยงที่อาศัยอยู่ในอำเภอแก่งกระจาน ซึ่งหายตัวไปกว่า 5 ปี ซึ่งพบว่ามีหลักฐานเป็นกระดูกอยู่ในถังน้ำมัน 200 ลิตร ในเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ซึ่งดีเอ็นเอยืนยันว่าตรงกับแม่ของบิลลี่ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุด น.ส.พิณนภา พฤกษาพรรณ หรือ "มุนอ" ภรรยาของ นายพอละจี หรือ "บิลลี่" เปิดใจกับผู้สื่อข่าวว่า อย่างน้อยก็ได้รู้แล้วว่าขณะนี้บิลลี่ยังอยู่หรือเสียชีวิตไปแล้ว เพิ่งทราบจากข่าวการแถลงของดีเอสไอเมื่อวานนี้ ตนอยากถามว่ากลุ่มผู้กระทำว่า บิลลี่ไปทำอะไรให้ ถึงได้กระทำอย่างนั้น อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำกลุ่มบุคคลดังกล่าวมาชี้แจงว่า ทำไปเพราะอะไร

ทั้งนี้ ต้องขอขอบคุณทุกฝ่าย รวมทั้งดีเอสไอที่ติดตามสืบค้นหาจนรู้ความจริงว่า บิลลี่ไปอยู่ที่ไหน และยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ วันนี้ตนและครอบครัวต้องลำบากหลังจากพี่บิลลี่หายตัวไป เพราะต้องดูลูก 5 คน ที่ขึ้นโรงเรียนหมดแล้วทุกคน ต้องไปรับไปส่งลูกด้วยตัวเองทุกวัน สำหรับแม่ตนและแม่ของบิลลี่อยากให้นำตัวกลุ่มบุคคลที่กระทำต่อบิลลี่มาลงโทษตามกฎหมาย ทุกวันนี้ลูกทุกคนก็ติดตามข่าวว่า พ่อหายไปไหนและอยู่อย่างไร ตนเองก็คอยอธิบายให้ลูกได้เข้าใจ

...

ขณะที่ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไป ที่ทำการอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน บริเวณสะพานแขวน ซึ่งดีเอสไอระบุว่าเป็นจุดที่พบถังน้ำมัน เหล็กท่อน และชิ้นส่วนกระดูกมนุษย์ กระทั่งมีการนำไปตรวจดีเอ็นเอและพบว่ามีความสัมพันธ์กับแม่ของบิลลี่ ซึ่งพบนักท่องเที่ยวต่างก็หมุนเวียนและเดินทางไปเที่ยวและถ่ายภาพเป็นที่ระลึกในบริเวณนั้นตลอดเวลา

นายประเวศน์ ทองดีเลี้ยง เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าที่คอยดูแลและอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวที่มาจอดรถเพื่อเดินเข้าไปถ่ายภาพบริเวณสะพานแขวนดังกล่าว โดยช่วงหนึ่งของการพูดคุย นายประเวศน์ตอบคำถามผู้สื่อข่าวว่า ตอนที่ดีเอสไอมางมหาหลักฐาน ตนเห็นว่ามาประมาณ 3 ครั้ง บริเวณใต้สะพานแขวนและใกล้ๆ คือครั้งแรกเมื่อสองสามเดือนก่อนเจอถังน้ำมันขนาด 200 ลิตร ซึ่งเป็นถังที่ใช้รองสะพานแขวนตอนน้ำในเขื่อนขึ้น ไม่ให้พื้นสะพานจมน้ำ และครั้งที่สามคือเมื่อประมาณปลายเดือนที่แล้ว เห็นว่า เจอชิ้นส่วนกระดูก ซึ่งตนเองไม่แน่ใจว่าใช่ตามข่าวหรือไม่ เพราะบริเวณสะพานแขวนจะมีชาวบ้าน นำเถ้ากระดูกมาลอยอังคาร ทั้งบริเวณกลางสะพานบ้าง ริมสะพานบ้าง ผมเจอประจำ

โดยช่วงแรกตอนน้ำลด เจอห่อผ้าขาว ก็ส่งสัยว่าอะไร พอไปแกะดูพบเป็นเถ้ากระดูก ผมจึงน้ำนำไปโปรยต่อ เพราะมันน่าเกลียด เหมือนกับเราไปเดินเหยียบย่ำกระดูกใครก็ไม่รู้ และที่สำคัญบริเวณนี้แต่ก่อน ถูกกำหนดให้เป็นวังมัจฉา คือห้ามมีการจับปลาบริเวณนี้ จึงมีเศษเหล็กบ้างอะไรบ้างเต็มไปหมด ใครลองมากระโดดน้ำบริเวณนี้ซิ แค่นึกยังเสียวว่า ลงไปอาจจะเจอเหล็กตำเอา

อีกทั้งบริเวณนี้ช่วงแล้ง น้ำในเขื่อนแก่งกระจานแห้งมาโดยตลอด เดินข้ามไปมาได้ แล้วใครมันจะนำมาทิ้งไว้บริเวณนี้ เขื่อนมันน้ำแห้งมานานเกือบทุกปี มีสองสามปีหลังนี้หรอกที่มีน้ำเยอะ ไม่น่าจะใช่ตามข่าวที่ว่ามีการนำเอามาทิ้งบริเวณหนี้ เพราะบริเวณนี้มีนักท่องเที่ยวเข้ามาตลอด ช่วงน้ำแห้งก็ต้องมีคนเห็น บริเวณนี้ไม่ใช่พื้นที่ปิด เพราะนักท่องเที่ยวเข้าออกได้ตลอดเวลา.