พ.ร.บ.จราจรทางบก ฉบับใหม่ มีผลบังคับใช้ 20 ก.ย.62 ตำรวจขอดูใบอนุญาตขับขี่แต่ห้ามยึด ยันประชาชนพกใบขับขี่ดิจิตอลแทนฉบับจริงได้ แต่ใช้ถ่ายภาพจากมือถือไม่ได้

วันที่ 20 ส.ค.62 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ต.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ รองผู้บัญชาการศึกษา (รองผบช.ศ.) เปิดเผยถึงกรณีเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่พระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ 12) พ.ศ. 2562 มีผลบังคับใช้ในวันที่ 20 ก.ย.62

โดยมีสาระสำคัญคือ เจ้าพนักงานจราจร หรือพนักงานเจ้าหน้าที่สามารถเรียกตรวจใบอนุญาตขับขี่แต่ไม่มีอำนาจในการเรียกเก็บใบอนุญาตขับขี่ของผู้ขับอีกต่อไปจะต้องคืนให้กับประชาชน โดยผู้ขับขี่จะต้องพกใบอนุญาตขับขี่ขณะขับรถและจะต้องแสดงใบขับขี่เมื่อเจ้าหน้าที่ขอตรวจ ซึ่งสามารถแสดงได้ 3 แบบ ได้แก่ 

1. ใบอนุญาตขับขี่ตัวจริงแบบเดิม

2. ใบอนุญาตขับขี่ด้วยวิธีการทางข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ หรือ ใบขับขี่ดิจิตอล ผ่านแอปพลิเคชัน DLT QR LICENCE

3. สำเนาภาพถ่ายใบอนุญาตขับขี่ตามแบบฟอร์มที่กรมการขนส่งทางบกกำหนด ซึ่งไม่สามารถใช้ภาพที่ถ่ายจากโทรศัพท์มือถือได้

ทั้งนี้หลังจากประกาศใช้แล้ว ประชาชนสามารถพกใบอนุญาตขับขี่ได้อย่างใดอย่างหนึ่งใน 3 แบบ ส่วนตัวยืนยันว่าสามารถใช้ได้จริง เพราะบังคับเป็นกฎหมาย เพื่อความสะดวกสบายของประชาชน

สำหรับกฎหมายใหม่ฉบับนี้ เจ้าพนักงานจราจรไม่จำเป็นต้องยึดใบขับขี่ เนื่องจากมีระบบใบขับขี่อิเล็กทรอนิกส์ของกรมการขนส่งทางบก ซึ่งสามารถเปรียบเทียบปรับได้ โดยเจ้าพนักงานจราจรจะตรวจสอบความถูกต้องของใบขับขี่ จากนั้นจะบันทึกข้อมูลผู้ขับขี่และการกระทำความผิดลงในใบสั่ง ให้กับผู้ขับขี่พร้อมใบขับขี่ 

ส่วนต้นขั้วใบสั่ง จะนำกลับไปที่สถานีตำรวจ หรือหน่วยงานจราจร เพื่อลงบันทึกตัดแต้ม เมื่อผู้ขับขี่มาเสียค่าปรับจะทราบว่าได้ถูกตัดแต้มไปเท่าใด และหากแต้มหมดทั้ง 12 แต้ม จะถูกพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ 90 วัน และแต้มจะกลับคืนมา 12 คะแนนตามเดิม โดยต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเข้ารับการอบรมใหม่ และต้องสอบให้ผ่าน จะได้รับแต้มคืน

...

หากภายใน 3 ปี ผู้ขับขี่ถูกพักใช้ใบอนุญาตขับขี่เกินกว่า 2 ครั้ง ซึ่งในครั้งที่ 3 จะถูกพักใช้ใบอนุญาตขับขี่เป็นเวลา 1 ปี และช่วงระหว่าง 1 ปี หากกระทำผิดอีกเป็นครั้งที่ 4 จะถูกเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่ในทันที.