บทความ “ศุกร์สุขภาพ” สัปดาห์นี้ยังมีชนิดของโรคภูมิแพ้ที่พบในเด็กที่น่าสนใจอีก ดังนี้
แพ้นมวัว เป็นปัญหาที่พบบ่อยที่สุด มีรายงานพบประมาณร้อยละ 2.5-7.5 ในเด็กทารก ทั้งนี้ ขึ้นกับข้อมูลการรายงานของที่ไหนในประเทศไทยคาดว่าไม่เกินร้อยละ 10 แต่ที่น่าดีใจคือ โรคนี้ส่วนใหญ่จะหายเป็นปกติ เด็กๆ สามารถกลับมากินนมวัวได้เกือบทุกคน มีเด็กที่แพ้นมวัวจำนวนน้อยที่โตแล้วก็ยังกินนมวัวไม่ได้
สาเหตุของโรค
โรคแพ้นมวัว เกิดจากปัจจัยทางพันธุกรรม ที่มีญาติพี่น้องเป็นโรคภูมิแพ้ และมีปัจจัยเสริมที่เด็กทารกได้รับการกระตุ้นด้วยนมวัวตั้งแต่อยู่ในระยะตั้งครรภ์ (แม่ดื่มนมวัว) และหลังเกิด ยังถูกกระตุ้นด้วยการกินนมวัว ไม่กินนมแม่ หรือกินนมแม่ที่มีนมวัวผสม
การแพ้นมวัวพบได้ทั้งในเด็กที่กินนมแม่อย่างเดียว หรือเด็กที่กินนมผงดัดแปลงสำหรับทารกตั้งแต่แรกเกิด เด็กที่กินนมแม่สามารถแพ้นมวัวจากการที่แม่ดื่มนมวัวหรือกินอาหารที่มีส่วนผสมของผลิตภัณฑ์จากนม จึงมีโปรตีนนมวัวผสมออกมาในน้ำนมแม่ไปกระตุ้นให้ลูกแพ้นมวัวได้
อาการ
เด็กที่แพ้นมวัวจะแสดงอาการผิดปกติหลายๆ ระบบอวัยวะ หรือที่หนึ่งที่ใดของร่างกายได้ เช่น ผื่นผิวหนังอักเสบภูมิแพ้ ผื่นลมพิษ ปวดท้องเป็นๆ หายๆ อาเจียน ท้องร่วง มีบางรายที่เกิดความผิดปกติในระบบหายใจ หอบเหนื่อย มีเสมหะดังครืดคราดเป็นระยะๆ เด็กที่แพ้นมวัว มักมีน้ำหนักตัวขึ้นช้า ซีดและอ่อนเพลีย
การแพ้นมวัวอย่างรุนแรง พบได้น้อยแต่มีอันตรายถึงแก่ชีวิต เด็กจะมีอาการหน้าบวม ลิ้นบวมจุกปาก เกิดขึ้นทันทีหลังกินนมและมีผื่นลมพิษ อาเจียน ท้องร่วง หอบหืด ช็อก และชักตามมาอย่างรวดเร็ว
เด็กกลุ่มที่เกิดอาการแพ้อย่างเฉียบพลัน ภายในเวลาเป็นนาทีถึงชั่วโมงหลังกินนมจะเกิดอาการต่างๆ ดังกล่าว กลุ่มนี้มักจะมีกลไกการแพ้ผ่านแอนติบอดีชนิด IgE
เด็กกลุ่มที่แสดงอาการแพ้ค่อนข้างช้า ประมาณ 7-10 วันหลังกินนม มักจะมีกลไกผ่านเซลล์ต่างๆ ในระบบคุ้มกัน
...
การรักษา
การรักษาที่ดีที่สุดคือ งดกินนมวัว
เด็กที่กินนมแม่ ให้แม่งดกินนมวัวและงดอาหารที่มีส่วนผสมผลิตภัณฑ์จากนมวัว เช่น ชีส โยเกิร์ต ไอศกรีม เนย เนยเทียม
เด็กที่กินนมวัว ให้งดนมและผลิตภัณฑ์จากนมวัว และให้นมชนิดอื่นที่มีสารอาหารครบถ้วน มีคุณค่าทางโภชนาการเหมาะต่อการเจริญเติบโตของเด็ก ได้แก่
1. นมถั่วเหลือง ประมาณร้อยละ 50-80 ของเด็กที่แพ้นมวัว กินนมถั่วเหลืองแทนได้โดยไม่เกิดอาการแพ้ แต่ก็ต้องคอยเฝ้าสังเกต เพราะมีเด็กที่แพ้นมวัวร้อยละ 15-45 ยังมีโอกาสแพ้นมถั่วเหลืองร่วมด้วย ทารกที่เหมาะสำหรับการกินนมถั่วเหลืองเป็นอาหารหลัก ควรมีอายุอย่างน้อย 6 เดือนขึ้นไป หากให้กินก่อนอายุ 6 เดือน พบว่ามีอัตราการแพ้นมถั่วเหลืองสูง
2. นมวัวชนิด extensively hydrolyzed formula เป็นนมวัวที่ผ่านกระบวนการย่อยด้วยเอนไซม์ ทำให้ปริมาณโปรตีนก่อแพ้ในนมวัวลดน้อยลงมาก แต่จะมีราคาสูงและรสชาติไม่ดี และมีเด็กบางคนยังแพ้นมชนิดนี้ต่อได้
นมวัวชนิด partially hydrolyzed formula ไม่เหมาะสำหรับเด็กที่แพ้นมวัว เพราะยังมีโปรตีนก่อแพ้ในปริมาณที่สามารถกระตุ้นอาการแพ้ได้
3. นมชนิด amino acid formula เป็นสูตรนมที่โปรตีนเป็นกรดอะมิโนไม่ก่อแพ้เลย แต่ราคาสูงมาก
- แพ้ยา เป็นปัญหาที่พบบ่อยมากในปัจจุบัน เนื่องจากผู้ป่วยส่วนใหญ่ยังนิยมกินยารักษาอาการต่างๆ หรือรักษาโรค และมียาใหม่ๆ มากมายหลายชนิด จึงมีโอกาสที่จะแพ้ยาสูงขึ้น ผู้ป่วยที่แพ้อาจจะไม่เคยแพ้ยาชนิดนั้นมาก่อน เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก หรือเคยเกิดอาการแพ้ แต่ไม่รุนแรงจนเป็นที่ผิดสังเกตของคนไข้ เช่น เกิดผื่นคันเล็กน้อยและหายไปเอง แต่ต่อมาได้รับยาชนิดเดิมซ้ำ กระตุ้นให้เกิดอาการรุนแรงมากขึ้นจนเกิดอันตรายได้
อาการ
แพ้ยาแสดงออกที่อวัยวะต่างๆ ได้ทุกส่วน อาการทางผิวหนังเป็นอวัยวะที่พบบ่อยที่สุด เป็นผื่นที่เกิดจากยา อาจแสดงออกในลักษณะของโรคผิวหนังต่างๆ เช่น
- ผื่นลมพิษ เป็นปื้นนูนแดง คัน แต่ละผื่นจะยุบหายไปภายใน 24 ชั่วโมง โดยไม่มีร่องรอยเหลืออยู่ ผื่นเป็นๆ หายๆ เปลี่ยนที่ไปเรื่อยๆ บางครั้งอาจมีปากหรือหนังตาบวมร่วมด้วย
- ผื่น maculopapular rash พบได้บ่อยที่สุดในบรรดาผื่นแพ้ยา เป็นจุดหรือตุ่มแดงๆ ขึ้นทั่วตัว คันเล็กน้อย
- ผื่นผิวหนังอักเสบภูมิแพ้ ผิวหนังเป็นตุ่มอักเสบหรือปื้นแดงๆ หรือเป็นตุ่มน้ำเล็กๆ ผสมอยู่ในผื่นแดงด้วย เกิดเฉพาะที่หรือทั่วตัวก็ได้ แล้วแต่ยาที่เป็นสาเหตุ มักมีอาการคันมาก
- ผื่นผิวหนังทั่วตัวแดงลอกเป็นขุย (exfoliative dermatitis) เป็นผื่นแดงทั่วตัว มีขุยลอกออก คัน
- ผื่นขึ้นที่เดิมทุกครั้งที่ได้รับยานั้น (fixed drug eruptions) เป็นผื่นบวมแดงรูปร่างกลมหรือรี ขอบชัด เวลาหายจะกลายเป็นสีน้ำตาลหรือสีออกม่วง ลักษณะพิเศษของผื่นแพ้ยาชนิดนี้คือเกิดซ้ำที่เดิมทุกครั้งที่ได้รับยาที่เป็นต้นเหตุ
- ผื่นแบบตุ่มน้ำพอง มีหลายชนิด บางชนิดเป็นทั้งที่ผิวหนังและเยื่อบุต่างๆ เช่น ตา ในปาก ชนิดที่รุนแรง ผิวหนังและเยื่อบุจะมีเนื้อตายและหลุดออกเป็นรอยแผลถลอกเป็นบริเวณกว้างทั่วตัวและรุนแรง ถ้าสงสัยว่ามีผื่นชนิดนี้ควรรีบพบแพทย์โดยเร็ว
นอกจากผื่นผิวหนังแล้ว ผู้ป่วยอาจมีไข้ มีอาการตามระบบต่างๆ เช่น ปวดท้อง ท้องร่วง อาเจียน หอบเหนื่อย ใจสั่น ช็อก ตับหรือไตวายจากผลของยาได้ นอกจากนี้ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการในระบบอื่น ๆ โดยไม่มีผื่นผิวหนังเลยก็ได้
ผู้ป่วยควรทำอย่างไร
1. หลังกินยา ถ้าเกิดอาการผิดปกติ เช่น มีผื่นที่ผิวหนัง ให้หยุดยาที่สงสัยว่าจะเป็นสาเหตุทันที
2. ควรรีบปรึกษาแพทย์ เพื่อตรวจวินิจฉัยและการรักษาที่ถูกต้อง
3. ถ้าทราบว่าแพ้ยาอะไร ให้จดบันทึกไว้ และหลีกเลี่ยงการใช้ซ้ำ
4. แจ้งให้แพทย์ผู้ทำการรักษาทราบว่าแพ้ยาอะไรบ้างทุกครั้งเมื่อเจ็บป่วยหรือจำเป็นจะต้องได้รับยา
สัปดาห์หน้ายังมีเรื่องราวของโรคภูมิแพ้ชนิดอื่นๆ ที่น่าสนใจอีก รอติดตามกันนะครับ
----------------------------------------------------------
แหล่งข้อมูล
ศาสตราจารย์คลินิก นพ.สุวัฒน์ เบญจพลพิทักษ์ สาขาวิชาโรคภูมิแพ้และภูมิคุ้มกัน ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล