อนุพงษ์ รมว.มหาดไทย และชาวเน็ต ยกนิ้วให้ "พิธา" ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ ที่อภิปรายรัฐบาลในประเด็นการเกษตรของไทย ขณะที่หลายคนแสดงความเห็น แบบนี้สิประชาชนได้ประโยชน์จริง
เมื่อวันที่ 26 ก.ค. 2562 ที่ผ่านมา นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ กล่าวในที่ประชุมสภาว่า ความจริงที่โหดร้ายก็คือ พวกเขาเป็นเกษตรกรไม่ถึง 1 เปอร์เซ็นต์ ที่สามารถลืมตาอ้าปากได้ กินดี อยู่ดี มีสุขในประเทศนี้ได้ (รู้จัก ทิม พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.อนาคตใหม่ รู้จริงเรื่องเกษตรไทย เจ้าของประโยคทอง "ปัญหากระดุม 5 เม็ด")
สำหรับพี่น้องเกษตรกรแล้ว ปัญหาของนโยบายฉบับนี้ไม่ได้อยู่ที่ตัวนโยบาย ปัญหาของนโยบายฉบับนี้อยู่ที่ มันเป็นนโยบายที่เขียนไว้แล้วเมื่อ 10 ปีที่แล้ว มันคือนโยบายที่เขียนไว้เมื่อ 20 ปีที่แล้ว มันคือนโยบายที่เขียนไว้แล้วเมื่อ 30 ปีที่แล้ว
"ที่ดิน คือ คอขวดของปัญหาเกษตรกรรมเกือบทั้งหมด ที่ดิน คือ ชีวิต ที่ดิน คือ สิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน ที่ดิน คือ กระดุมเม็ดแรก เมื่อเราติดให้ถูกต้อง ปัญหาที่เหลือจะแก้ได้ง่ายมาก แต่ถ้าเกิดเราติดผิด ปัญหาอื่นที่เราพยายามที่จะแก้ ก็จะไม่สามารถแก้ได้อย่างยั่งยืน เพราะเกษตรกรเหล่านี้ไม่มีที่ดินเป็นของตัวเอง"
...
ทั้งนี้ เขาจึงไม่มีทรัพย์สินที่จะสามารถค้ำประกัน และไม่สามารถที่จะเข้าสู่ระบบทุนนิยมได้ พวกเขาไม่มีโฉนดที่จะเข้าไปจำนองในธนาคาร ทำให้เขาไม่สามารถที่จะเข้าสู่ระบบการเงินได้ หมายความว่า มีความจำเป็นที่จะต้องออกไปกู้นอกระบบ ซึ่งเป็นกระดุมเม็ดที่ 2 ซึ่งในเรื่องของหนี้สินเกษตรกร
เมื่ออยู่ในวงจรหนี้สิน เขาจดจ่อกับการที่จำเป็นที่จะต้องรีบใช้หนี้ให้ได้ ทำให้เขาต้องการความแน่นอนในการทำงาน มีความจำเป็นที่จะต้องทำวิธีเดิมๆ ปลูกพืชเดิมๆ ใช้วิธีที่ถูกที่สุด เพราะมันมีต้นทุนจากค่าเช่าที่ดิน และต้นทุนจากดอกเบี้ยนอกระบบอยู่แล้ว จึงมีความจำเป็นที่จะต้องใช้สารเคมีเยอะๆ เพื่อที่จะให้สินค้าออกมามีคุณภาพแน่นอน เวลาจะปลูกอะไร ก็ต้องปลูกพืชเชิงเดี่ยว ปลูกซ้ำ ทำให้มีปัจจัยในการโดนกดดันราคาอีก ซึ่งนั่นก็ คือ กระดุมเม็ดที่ 3 เรื่องของสารเคมีการเกษตร เรื่องของการประกันราคา
เมื่อนำปัญหาจากกระดุมทั้ง 3 กระดุมนี้มารวมกัน ก็หมายความว่าพี่น้องเกษตรกรไทยมีต้นทุนที่สูง และมีราคาที่ต่ำ หมายความว่า เขาไม่สามารถที่จะเก็บออมได้ด้วยตัวเอง ไม่สามารถที่จะมีเงินทุนของตัวเอง ไม่สามารถที่จะมีกระแสเงินสด ในการที่จะแปรรูป หรือสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ด้วยตัวเอง ซึ่งก็คือกระดุมเม็ดที่ 4 และพอมีโอกาสใหม่ๆ การท่องเที่ยวทางด้านการเกษตร เขาอยากจะพัฒนาตัวเองจากการที่เป็นผู้ผลิตทางการเกษตร เปลี่ยนเป็นผู้ให้บริการด้านการเกษตร และท่องเที่ยว และนี่คือกระดุมเม็ดที่ 5
อย่างไรก็ตาม พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ชี้แจงในที่ประชุมรัฐสภา กล่าวชื่นชมนายพิธา ที่อภิปรายหลายเรื่องเป็นความคิดที่สร้างสรรค์ ทั้งในเรื่องกลุ่มชาติพันธุ์ คนชายขอบ เรื่องที่ดินทำกิน ซึ่งพูดได้เข้าประเด็นทั้งหมด และทำการบ้านมาดี พร้อมขอบคุณคำแนะนำ โดยขณะนั้น นายพิธา ได้ยกมือไหว้ขอบคุณ (อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม "อนุพงษ์" ชื่นชม "พิธา" อภิปรายตรงประเด็น แจงมีทั้งทำแล้ว ทำได้ และไม่ได้)
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีชาวโซเชียลจำนวนมากได้เข้ามาชื่นชมการอภิปรายของนายพิธา และพล.อ.อนุพงษ์ กันเป็นจำนวนมาก เช่น
เจสัน กวนทีน : พิธา อภิปรายดีมาก ลองไปหาฟังดูแนวคิดช่วยเหลือเกษตรซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศอยากให้คนนี้เป็น รมว.เกษตรจังเลย
สิทธิศักดิ์ วงศ์สวรรค์ :สุดยอด ส.ส.ใหม่ความรู้ชัดเจน นายแน่มาก พิธา
Pathomporn Sangwisuth :คู่นี้ดีจริง นั่งฟังทั้งคู่ ยังรู้สึกดี นี่แหละที่รอคอย ที่สำคัญ สุภาพมาก ให้เกียรติกันและกัน
Pantipa Sornrag : ดูในคลิปอภิปรายสด มีความรู้สึกว่าคู่นี้น่าจะเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับการทำหน้าที่ของผู้แทนฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล
จุลภัคร มนตรา : อนุพงษ์ดูลึกซึ้งกว่าอีกสองคน
Nick Nawapun : นั่งฟังดูที่มีสาระและเป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองจริงๆ มีอยู่ไม่กี่คน นอกนั้นก็ค้านกันไปมาไม่จบไม่สิ้น
Bunjong Surajarusarn : อย่างนี้ซิครับ ประชาชนได้ประโยชน์..คนอภิปรายมีสาระมองเห็นภาพ..คนตอบก็ตอบได้ตรงจุด..ต้องขอชมครับ..!!!
Pu Surapong Zumrum : ท่านอนุพงษ์ดูมีภาวะความเป็นผู้นำ ยิ่งกว่านายกฯ
ป-ปราย ตากลม : การอภิปรายของคุณทิมเหมือนคลื่นทะเลที่มาเป็นระลอกๆ แต่สงบ น่าฟังด้วยเหตุและผล ที่มาทางความคิด ส่วนบิ๊กป๊อกเหมือนเขาเอเวอเรสต์ เยือกเย็นแต่ดูทรงพลัง นุ่มนวล ไม่แข็งกระด้างในการชี้แจง รับฟังความเห็นต่างฝ่ายตรงข้าม คุณทั้งสองคนสุดยอดครับ
นิติ มัยรัตน์ : ขอชมทั้งคุณพิธา และบิ๊กป๊อก พูดได้ประโยชน์