หนุ่มรอดตายจากคดีแพรวา ระบายความในใจ ผ่านมา 9 ปี สู้กันถึง 3 ศาล ทั้ง 3 คดี แต่ไม่เคยเจอหน้าคู่กรณี ซ้ำประวิงเวลาจ่ายเงิน ต่อรองอย่างกับผักปลา บอกรับไม่ได้ก็ไปฟ้องเอา

ผู้ใช้ทวิตเตอร์ @tintinwarunyoo ได้ทวีตข้อความผ่านทวิตเตอร์ ระบุว่า ตัวเองเป็นหนึ่งในผู้รอดชีวิต ในคดี แพรวา 9 ศพ พร้อมกับระบายความในใจว่า ตอนเกิดเหตุ ตนเองเรียนอยู่ปี 3 ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ วันนั้นเป็นช่วงสอบมิดเทอม ทำให้อยู่อ่านหนังสือจนดึก เพื่อเตรียมสอบตัวสุดท้ายในวันพรุ่งนี้ ก่อนจะกลับบ้านด้วยรถตู้ ซึ่งหลังจากนั้นตัวเองก็ไม่ได้กลับมาสอบอีกเลย เนื่องจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น ตัวเองมารู้สึกตัวอีกทีด้วยเสียงกรีดร้อง พบว่าตัวเองอยู่บนโทลล์เวย์แล้ว และถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล บาดเจ็บกระดูกไหปลาร้าหัก กระดูกเข่าซ้ายแตก แขนขวาหักพร้อมแผลใหญ่ กระจกรถปักทั่วร่างจนเลือดอาบหน้า โดนชนตอน 3 ทุ่ม แต่ได้เข้าห้องผ่าตัด 7 โมงเช้า ซึ่งตอนนั้นมีคนอาการหนักกว่าตนเยอะ

หลังผ่าตัดตนขยับร่างกายไม่ได้เลย เพราะโดนพันท่อนล่างหมด เป็นเวลากว่า 2 เดือน ที่นอนนิ่งๆ บนเตียง ร้องไห้บ่อยมาก และหงุดหงิดตัวเองมาก ครั้งแรกที่เจอ แพรวา มาพร้อมกับแม่ และช่างภาพ ตนยังนอนติดเตียงอยู่เลย น้องนั่งรถเข็นมาในห้อง คนที่พูดทั้งหมดคือแม่ แม่พูดจบจึงบอกน้องว่า "ขอโทษพี่เขาสิลูก" น้องพูดว่า "หนูขอโทษค่ะ" นั่นคือครั้งสุดท้ายที่เราเจอกัน พร้อมมอบขนมเปี๊ยะและถ่ายรูป ตอนนั้นไม่รู้สึกถือโทษโกรธแล้ว เพราะมันคืออุบัติเหตุ ไม่มีใครตั้งใจ ตนรู้สึกดีนะที่มาขอโทษ พอน้องออกไป พี่พยาบาลก็มาเล่าว่า น้องเขาเดินมาปกตินะ แต่มาขอรถเข็นหน้าวอร์ด เลยอึ้งไปพักนึง

ตนหัดเดินให้กลับมาปกติ 1 ปี ระหว่างนั้นก็กลับไปเรียนด้วย ร่างกายปกติทุกอย่าง หลังจากนั้น 3 ปี ระหว่างนั้นก็ต้องไปหาหมอ ค่ารักพยาบาลที่เกิดขึ้นประกันรถเป็นคนจ่าย แต่หลังจากออกโรงพยาบาล เวลาไป follow up ตนต้องออกเอง ซึ่งเป็นจำนวนมาก และได้ฟ้องเรียกค่าเสียหายนี้ไปในศาล คดีความแบ่งเป็น 2 คดี คือ อาญาและแพ่ง 

...

คดีแพ่ง ศาลชั้นต้นส่งให้จ่ายตามผลคดีอาญา เพราะ แพรวา ผิดจริงๆ และให้คนที่แพรวายืมรถจ่ายด้วย แต่ก็สู้มาจนถึงอุทธรณ์ ศาลสั่งให้ลดเงินลงโดยไม่นำสืบ ตามที่ทนายแพรวายื่นอุทธรณ์ จนมาถึงชั้นฎีกาของแพ่ง ศาลสั่งให้ยืนตามศาลชั้นต้น แต่ก่อนจะเปิดคำพิพากษาชั้นฎีกาของคดีแพ่ง ทางศาลนำเข้ากระบวนการไกล่เกลี่ย 

เหตุการณ์นี้บั่นทอน 9 ปีที่ผ่านมาเรารู้สึกว่า เรายอมเขาทุกแล้ว ขอประวิงเวลาอย่างเห็นได้ชัด สู้กันถึง 3 ศาล ทั้ง 3 คดี และเราไม่เคยเจอแพรวาและพ่อแม่เลย มาถึงไกล่เกลี่ย ตนหวังว่ามันคือการพูดคุยกันที่ดี ปรากฏว่าเขาไม่มา ส่งทนายซึ่งเป็นญาติมาแทน 

ตนบอกกับแม่ว่า เขาพูดมาเท่าไหร่ก็เท่านั้นนะแม่ เงินที่รักษาตัวไป มันถือว่าหายไปแล้ว แม่ต้องหยุดทำงานขาดรายได้เป็นปีก็เท่านั้น จะได้จบสักที นัดไปศาล ตนอยู่ภูเก็ต ทนายโทรมาบอกว่า ทนายฝั่งโน้นให้ไม่ได้แล้วนะ และก็เปิดลำโพงให้ตนคุยในชั้นไกล่เกลี่ย ทนายแพรวาบอกว่า ถ้าไม่รับตัวเลขใหม่ ก็จบ ไม่คุยแล้ว ไปฟ้องล้มละลาย หรือยึดทรัพย์เอา ได้กันไม่กี่บาทหรอก อาจจะไม่ได้เท่านี้

เขาต่อราคาเรายังกับผักปลา ในคำร้องให้ศาลทุเลาบังคับคดี โดยทนายแพรวาบอกเป็นลายลักษณ์ว่า ยินดีชดใช้ถ้าคดีถึงสิ้นสุด โดยอ้างเรื่องชื่อเสียงวงศ์ตระกูล อ้างว่าเป็นทายาทบุคคลผู้มีชื่อเสียงและประกอบคุณงามความดีของประเทศนี้ ตนเลยไม่โอเค ไม่ยอมรับเงินก้อนนั้น ถึงแม้ตอนแรกอยากจะรับเพราะเหนื่อยแล้ว และมันเป็นเงินที่ต่ำกว่าศาลให้ เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหาเลยตลอด 9 ปีที่ผ่านมา ผู้เสียหายทุกคนรู้สึกเหมือนกันหมด แต่เป็นเรื่องความใส่ใจต่างหากที่เราไม่รู้สึกเลย 

เมื่อเดือน พ.ค. 62 ที่ผ่านมาศาลฎีกาตัดสินยืนตามศาลชั้นต้น ให้ชำระค่าเสียหาย รอบนี้ไม่มีมาทั้งทนายและแพรวาเช่นเดิม สู้ 9 ปีผ่านมาแล้วที่ไม่เจอกันตั้งแต่ครั้งแรก เรายอมทุกอย่างเชื่อตามศาลทุกอย่าง อดทนไม่พูดมา 9 ปีแล้ว จนมันไม่ไหวเเล้ว ไม่เข้าใจว่าเขารออะไร เข้าใจว่ามันคืออุบัติเหตุ แต่หลังจากนั้นหรือเปล่า สิ่งที่เพื่อนมนุษย์เขาปฏิบัติต่อกัน มันสำคัญกว่าเรื่องฟ้องร้อง เงินแค่นั้นแลกกับการโดนชนแบบนั้น ถามว่ามีใครอยากได้บ้าง แลกกับเสียลูกไป 

ความผิดพลาดที่ยิ่งใหญ่ ก็ต้องมาพร้อมกับความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ด้วยเช่นกัน หวังว่าครอบครัวแพรวาคงจะได้ยิน.

(อ่านโพสต์ฉบับเต็ม ที่นี่)

ที่มาจาก ทวิตเตอร์ @tintinwarunyoo 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง