(ภาพจาก : David Goulding (Wellcome Sanger Institute)
นับตั้งแต่การค้นพบยาเพนิซิลินหรือยาปฏิชีวนะที่ใช้รักษาโรคติดเชื้อ ก็ได้ปฏิวัติวงการแพทย์และการดูแลสุขภาพ ทำให้ช่วยชีวิตคนได้นับล้าน แต่การใช้แบบผิดวัตถุประสงค์ของยาก็ทำให้แบคทีเรียบางตัวพัฒนาความต้านทาน เมื่อมีการพัฒนายาปฏิชีวนะตัวใหม่ๆขึ้นเรื่อยๆ ยากลับมีประสิทธิภาพน้อยลงเพราะแบคทีเรียเกิดการดื้อยา นับว่าเป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่ออนาคตทางการแพทย์แผนปัจจุบัน ที่ไม่สามารถรักษาอาการติดเชื้อได้
นักวิจัยเผยว่า ในบรรดาแบคทีเรียดื้อยา มีเชื้อชนิดหนึ่ง ชื่อว่าสแตฟฟิโลคอกคัส ออเรียส ที่ดื้อต่อยาเมธิซิลิน หรือเรียกว่า เชื้อดื้อยา “เอ็มอาร์เอสเอ” (Methicillin Resistant Staphylococcus aureus-MRSA) ได้กลายเป็นปัญหาร้ายแรง ในโรงพยาบาลและชุมชน ล่าสุดนักวิทยาศาสตร์นานาชาติ นำโดยมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ในอังกฤษ เผยว่าใช้เทคโนโลยีการหาลำดับข้อมูลทางพันธุกรรมทั้งหมดหรือจีโนม (genome) เพื่อระบุยีนที่ทำให้ “เอ็มอาร์เอสเอ” อ่อนแอ โดยมุ่งเน้นไปที่โปรตีน PBP2a ที่มีความสำคัญต่อเชื้อ “เอ็มอาร์เอสเอ” ทำให้พบว่าการรวมกันของยาเพนิซิลินและกรดคาวูลานิก (clavulanic acid) สามารถต่อกรกับการดื้อยาเพนิซิลิน ของเชื้อแบคทีเรียเอ็มอาร์เอสเอได้
การศึกษานี้ชี้ให้เห็นว่า ยาปฏิชีวนะที่มีอยู่ในวงกว้างอาจนำมาใช้รักษาเชื้อดื้อยาเอ็มอาร์เอสเอได้ แต่อย่างไรก็ตาม นักวิจัยได้ทดลองการรักษากับตัวอ่อนของผีเสื้อกลางคืนและ หนูเท่านั้น ยังต้องทดลองเพิ่มเติมจนกว่าจะมั่นใจว่าจะสามารถนำไปทดลองทางคลินิกกับมนุษย์ได้ในอนาคต.