นักศึกษาสาว วัย 20 ปี หมดอนาคต กลายเป็นผู้พิการ นอนติดเตียง หลังขี่ จยย.ถูกเก๋งชนร่างกระเด็น ญาติเผยเป็นเด็กกำพร้า อีกเทอมเดียวจะเรียนจบ เกรงถูกบิดคดี เพราะคู่กรณีเป็นครูสาว ลูกตำรวจในพื้นที่กระบี่...

วันที่ 12 พ.ค. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังบ้านเลขที่ 62 หมู่ 8 ต.เกาะลันตาใหญ่ อ.เกาะลันตา จ.กระบี่ หลังมีผู้นำเรื่องราวของ น.ส.ปวีณา หรือน้องตุ๊กตา เอียดชูทอง อายุ 20 ปี นักศึกษาชั้น ปวส.2 แผนกการโรงแรม วิทยาลัยเทคนิคกระบี่ ซึ่งได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ จนเจ้าตัวหมดอนาคตทางการศึกษา กลายเป็นผู้ป่วยติดเตียง มาเผยแพร่ผ่านทางสังคมออนไลน์ใน จ.กระบี่

โดยที่บ้านหลังดังกล่าว มีนายสนิท ลู่เด็นบุตร อายุ 50 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 8 ต.เกาะลันตาใหญ่ และ นางอุษา ลู่เด็นบุตร อายุ 50 ปี ภรรยา เป็นเจ้าของบ้าน และพบ น.ส.ปวีณา ที่นอนป่วยอยู่บนเตียง จากอุบัติเหตุรถชนจนศีรษะกระแทกอย่างรุนแรง สมองได้รับการกระทบกระเทือน

นางอุษา เล่าให้ฟังว่า น้องตุ๊กตา เดิมเป็นลูกสาวของลูกพี่ลูกน้องนายสนิท สามีตน โดยเมื่อตอนที่ น้องตุ๊กตา อายุได้ 14 ปี แม่ของน้องป่วยและเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง ซึ่งพ่อก็ป่วย เสียชีวิตไปก่อนหน้าแล้ว และฝากฝังให้ตนและสามีช่วยดูแลน้องต่อ โดยให้น้องได้รับการศึกษาเพื่ออนาคตที่ดี โดยรักเหมือนลูกสาวคนหนึ่ง เพราะพวกตนมีลูกชาย 2 คน ไม่มีลูกสาว จึงรับน้องเป็นบุตรบุญธรรม แต่ยังไม่ได้จดทะเบียนรับเป็นบุตรตามกฎหมาย เพราะน้องอายุยังไม่ครบ 20 ปี

ตลอดเวลาที่เลี้ยงดูมา น้องเป็นเด็กร่าเริง มีความรับผิดชอบสูงมาก เรียนดี นิสัยน่ารัก น้องตั้งใจเรียนมาก บอกว่าอนาคตอยากจะเป็นครู แต่ตนและสามีขอให้น้องเรียนสายอาชีพก่อน เพื่อให้มีงานทำ หลังจากนั้นค่อยเรียนต่อเป็นครูตามที่ตั้งใจ แต่น้องก็มาประสบอุบัติเหตุเสียก่อน เป็นสิ่งที่ตนยอมรับไม่ได้ โดยเฉพาะหมอลงความเห็นว่าน้องพิการ

...

นายสนิท เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า เมื่อคืนวันที่ 26 ก.พ.62 ที่ผ่านมา ขณะที่น้องตุ๊กตาขับรถจักรยานยนต์พาเพื่อนอีกคนไปกินข้าว และกำลังขับรถกลับหอพักในตัวเมืองกระบี่ มาถึงจุดเกิดเหตุ บริเวณถนนกระบี่ ปากทางเข้าซอยโบสถ์คริสต์ ต.ปากน้ำ อ.เมือง กำลังจะเลี้ยวรถเพื่อยูเทิร์นกลับ ก็มีรถเก๋งฮอนด้าซิตี้ สีขาว ทะเบียน กว 8365 สุราษฎร์ธานี ขับมาอย่างเร็ว ชนเข้ากับรถของน้องอย่างแรง จนตัวน้องตุ๊กตากระเด็นศีรษะกระแทกพื้น สมองบวม ส่วนเพื่อนอีกคนกระเด็นลอยขึ้นไปตกลงบนหลังคารถเก๋ง ขาหัก ศีรษะกระแทก ตัวน้องตุ๊กตา ต้องเข้ารับการผ่าตัดสมองเพื่อรักษา แต่หลังการผ่าตัด น้องก็มีอาการหายใจไม่ได้ ร่างกายเริ่มขยับไม่ได้ ต้องนอนติดเตียงอยู่นานหลายเดือน กระทั่งหมอลงความเห็นว่าน้องพิการ จึงต้องนำกลับมานอนพักรักษาตัวต่อที่บ้าน โดยตนพร้อมภรรยา และญาติๆ ต้องช่วยกันดูแล โดยออกเงินค่ารักษาเองบางส่วน อีกบางส่วนก็ใช้สิทธิ์บัตรทองของน้อง

นายสนิท เล่าต่อว่า ในส่วนของคดี ตนมอบถามไปยัง สภ.เมืองกระบี่ ทราบว่าพนักงานสอบสวนเจ้าของคดี คือ ร.ต.อ.สัญญา แก้วนุ้ย รอง สว.(สอบสวน) โดยเหตุการณ์ผ่านมา 2 เดือนเศษ คดียังไม่มีความคืบหน้า ทางตำรวจบอกกับตนว่า ยังไม่สามารถสอบปากคำผู้เสียหายได้ โดยตำรวจอ้างว่ารถจักรยานยนต์ของน้องตุ๊กตา ไม่ได้เลี้ยวยูเทิร์น แต่จะเลี้ยวตัดเข้าซอยฝั่งตรงข้าม ทำให้เลี้ยวไปตัดหน้ารถเก๋งคันดังกล่าว ซึ่งขัดกับสิ่งที่เพื่อนน้องเล่าให้ฟังว่า รถน้องจะเลี้ยวเพื่อยูเทิร์น ไม่ได้เลี้ยวตัดถนนเข้าซอยตามที่ตำรวจบอก

เบื้องต้นตนทราบว่ารถเก๋งคันดังกล่าว คนขับเป็นผู้หญิง เป็นครูโรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.คลองท่อม จ.กระบี่ และเป็นลูกของตำรวจใน จ.กระบี่ ตนจึงไม่เข้าใจว่าทำไมตำรวจถึงไม่เชื่อคำให้การของผู้เสียหายอีกคนที่มาด้วยกันกับน้องตุ๊กตา อยากให้ตำรวจเร่งทำคดีให้เร็วกว่านี้ หากชี้ว่าน้องตุ๊กตาเป็นฝ่ายประมาทเอง ตนก็พร้อมจะต่อสู้ทางคดี และอยากให้คู่กรณีมารับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวเดินทางไปสอบถามเรื่องนี้จาก น.ส.อินทิรา เด่นมาลัย อายุ 20 ปี ซึ่งเป็นเพื่อนเรียนห้องเดียวกับ น้องตุ๊กตา และซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์มาด้วยกันในวันเกิดเหตุ โดย น.ส.อินทิรา ยังไม่สามารถเดินได้ เพราะขาซ้ายหัก เจ้าตัวเล่าว่า ในคืนเกิดเหตุ ยืนยันว่าน้องตุ๊กตาไม่ได้เลี้ยวรถเข้าซอยแล้วไปตัดหน้ารถเก๋ง ตามที่ตำรวจบอก รถของพวกตนกำลังจะยูเทิร์นเพื่อกลับหอพัก แต่รถเก๋งคันดังกล่าวขับมาด้วยความเร็วและชนเข้าอย่างจัง

สำหรับ น.ส.ปวีณา เป็นเพื่อนเรียน และเช่าหอพักอยู่ด้วยกัน ตนจะสนิทกันมาก ไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอ น.ส.ปวีณา เป็นเด็กดีมาก นิสัยน่ารัก ขยันเรียน เรียนดี และมีอนาคตที่ดี ทันทีที่ทราบข่าวเพื่อนต้องเจ็บจนหมดอนาคตก็รู้สึกเสียใจมาก แต่ยังมีความหวัง อยากให้เพื่อนหายดีและกลับมาเรียนด้วยกันอีก

ขณะที่ นางกิ่งกาญจน์ เด่นมาลัย อายุ 53 ปี แม่ของ น.ส.อินทิรา กล่าวด้วยว่า น้องตุ๊กตา กับลูกสาวเป็นเพื่อนที่สนิทกันมาก บางครั้งก็จะแวะมานอนค้างที่บ้านตนประจำ ตนรู้เรื่องราวของน้องก็รู้สึกเอ็นดู สงสาร และรักน้องเหมือนลูกคนหนึ่ง พอทราบข่าวก็ตกใจมาก เสียดายอนาคตของน้องตุ๊กตา เพราะทั้งคู่กำลังจะเรียนจบอีกเพียงเทอมเดียว แต่ต้องมาหมดอนาคตไปเสียก่อน ลูกสาวตนยังโชคดีที่แค่ขาหัก ตนยังมีความหวังอยากเห็นน้องตุ๊กตาหายดีกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง อยากให้คนที่ขับรถชนซึ่งเป็นถึงครูบาอาจารย์ มีจิตสำนึกที่จะรับผิดชอบด้วย ที่ผ่านมามีเพียงจ่ายช่วยเหลือมาให้ลูกสาวและน้องตุ๊กตาแค่คนละ 10,000 บาท หลังจากนั้นก็เงียบหายไปเลย ไม่เคยมาดูแลหรือแสดงความรับผิดชอบใดๆ

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับความคืบหน้าของคดี ล่าสุดทาง ร.ต.อ.สัญญา เจ้าของคดี นัดให้ น.ส.อินทิรา เข้าให้ปากคำอีกครั้งในวันที่ 21 พ.ค.นี้ โดยก่อนนี้ตำรวจเคยสอบปากคำ น.ส.อินทิรา มาแล้วครั้งหนึ่ง ซึ่ง น.ส.อินทิรา ยืนยันว่ ไม่ได้เลี้ยวรถตัดหน้าเพื่อนเข้าไปในซอยอีกฝั่งถนน แต่เป็นการเลี้ยวเพื่อนยูเทิร์น โดยจุดเกิดเหตุยังพบร่องรอยสีสเปรย์ของตำรวจที่พ่นไว้ติดกับเกาะกลางถนน ส่วนคู่กรณีทราบว่าเป็นครูสาวประจำโรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.คลองท่อม จ.กระบี่ มีพ่อเป็นตำรวจใน จ.กระบี่

สำหรับผู้ที่ต้องการช่วยเหลือด้านการรักษากับ น.ส.ปวีณา สามารถติดต่อไปที่นายสนิท พ่อบุญธรรม ของน้องที่เบอร์ 09-8974-2897 หรือบริจาคช่วยเหลือที่บัญชี นางอุษา ลู่เด็นบุตร (แม่บุญธรรม) ธนาคารกรุงไทย สาขาเกาะลันตา เลขบัญชี 973-0-03498-2.