มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ออกประกาศแนะนำมาตรการฉุกเฉินในการดูแลสุขภาพของประชาชนช่วงหมอกควันฝุ่นพิษพุ่งสูง ล่าสุด คุณภาพอากาศแย่ที่สุดในโลก

วันที่ 30 มี.ค. 2562 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้ออกประกาศเรื่องมาตรการฉุกเฉินสำหรับการดูแลสุขภาพของประชาชนในภาวะที่คุณภาพอากาศอยู่เกณฑ์ที่สูงเกินปกติ สืบเนื่องจากในขณะนี้ บริเวณจังหวัดเชียงใหม่และพื้นที่ภาคเหนือโดยรวม มีหมอกควันปกคลุมอย่างหนาแน่น ปริมาณ PM2.5 ในอากาศอยู่ในระดับสูง ส่งผลให้ดัชนีคุณภาพอากาศ (Air Quality Index, AQI) อยู่ในเกณฑ์ที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มที่มีความเสี่ยง สภาวะที่มีหมอกควันปกคลุมหนาแน่นจะคงอยู่ระหว่างวันที่ 30-31 มีนาคม 2562 และสถานการณ์มีแนวโน้มที่ดีขึ้นจากการพยากรณ์โดยอาศัยข้อมูลแหล่งความร้อนและการกระจายของหมอกควันที่รายงานโดยองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ (National Aeronautics and Space Administration, NASA) ของประเทศสหรัฐอเมริกา 


มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จึงขอแนะนำมาตรการฉุกเฉินสำหรับการดูแลสุขภาพของประชาชนในภาวะที่คุณภาพอากาศอยู่เกณฑ์ที่สูงเกินปกติ ดังต่อไปนี้ 


1. ขอให้ประชาชนอยู่ในบ้านหรืออาคารที่มีระบบฟอกอากาศ

2. ควรงดกิจกรรมนอกอาคารทุกชนิด จนกว่าคุณภาพอากาศจะดีขึ้น

3. กรณีที่พักอาศัยไม่มีระบบฟอกอากาศ ควรอยู่ในอาคารสถานที่ที่ภาครัฐจัดหา หรืออาคารสาธารณะที่มีระบบฟอกอากาศ

4. หากมีความจำเป็น ไม่สามารถปฏิบัติข้อ 1-3 ได้ ควรออกนอกพื้นที่เสี่ยง หรือสวมหน้ากาก N95 ตลอดเวลา จนกว่าคุณภาพอากาศจะเข้าสู่ภาวะปกติ

...

ทางด้านผู้สื่อข่าวรายงานว่า ส่วนที่น่าเป็นห่วงของชาวเชียงใหม่ คือ มีชาวบ้านลักลอบเผาป่าดอยหลวงเชียงดาว ดอยที่สูงอันดับ 2 ของประเทศไทยรองจากดอยอินทนนท์ และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติอีกแห่งหนึ่งของ จ.เชียงใหม่ โดยช่วงสายวันนี้ นายสมหวัง เรืองนิวัติศัย ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 จังหวัดเชียงใหม่ ได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวไทยรัฐทางโทรศัพท์ว่า ไฟป่าที่ลุกไหม้ดอยหลวงเชียงดาว ไหม้ติดต่อกันมาแล้ววันนี้เป็นวันที่ 5 ยังไม่สามารถดับได้ เนื่องจากที่ที่เกิดไฟป่าอยู่บนสันเขาและเป็นหน้าผา จึงเป็นการยากแก่การเดินเท้าเข้าไปดับไฟ แม้แต่การใช้เฮลิคอปเตอร์ก็ไม่สามารถตักน้ำบินเข้าไปดับไฟป่าได้เนื่องจากอยู่สูงเกินไป แต่ทางเจ้าหน้าที่เสือไฟเกือบ 100 นาย ที่เดินเข้าไปได้ทำแนวกันไฟโดยรอบๆ เพื่อไม่ให้ไฟลุกลามไปถึงยอดดอยหลวงได้ และขณะนี้สามารถควบคุมไฟให้ลุกไหม้ในวงจำกัด ที่ตรงหน้าผาก่อนถึงยอดดอยไม่ให้ลุกลามได้แล้ว 4 วันที่ผ่านมา มีป่าไม้ดอยหลวงถูกไฟป่าเผาไปแล้วเกือบ 4 พันไร่

"สาเหตุมาจากชาวบ้านลักลอบเข้าไปในตอนกลางวันและได้แอบจุดไฟเผาป่าแบบตั้งเวลาในตอนกลางคืน โดยเจ้าหน้าที่ได้ตรวจพบการจุดธูปผูกไว้กับกล่องไฟแช็กหรือน้ำมันทิ้งไว้ในป่า กลางคืนธูปก็จะไหม้มาติดเชื้อเพลิงที่เตรียมการไว้จนเกิดไฟไหม้ป่าแล้วลุกลามอย่างรวดเร็ว ถือว่าเป็นการยากแก่การควบคุม จึงขอร้องประชาชนช่วยกันหยุดเผาป่าด้วย เพราะนอกจากทำให้ป่าไม้และพันธุ์ไม้หายากเสียหาย สัตว์ป่าก็ได้รับผลกระทบไม่มีที่อยู่อีกด้วย"

ด้าน นายศุภชัย เอี่ยมสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้จัดแผนปฏิบัติการเพิ่มความชุ่มชื้นในอากาศบริเวณเส้นทางสำคัญตามมาตรการลดฝุ่นหมอกควันในบริเวณเขตเมืองเชียงใหม่ ทั้งหมด 18 จุด และมีจุดพ่นฉีดน้ำประจำ 3 จุด ที่ประตูท่าแพ สามแยกโรงพยาบาลสวนปรุง และอ่างแก้ว โดยในจุดอื่นๆ จะฉีดพ่นละอองน้ำ ฉีดล้างทำความสะอาดถนน สเปรย์น้ำบนตึกสูง อาคารพาณิชย์ ทุกวัน ช่วงเวลา 05.00 น., 10.00 น., 14.00 น. และ 16.00 น. ในส่วนของอำเภอต่างๆ ก็ดำเนินการเช่นเดียวกัน พร้อมกับเปิดเซฟตี้โซนเป็นสถานที่พักผ่อนสำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากหมอกควัน ที่ห้องห้องประชุมเอสเอ็มอี ที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา อ.เมืองเชียงใหม่ พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกสามารถจุคนได้เกือบพันคน เริ่มมีประชาชนทยอยไปใช้บริการบ้างแล้ว


ขณะที่เว็บไซต์ AirVisual ได้จัดอันดับดัชนีคุณภาพอากาศ ตามเมืองท่องเที่ยวทั่วโลกล่าสุดประจำวันที่ 30 มีนาคม เวลา 14.46 น. ที่ผ่านมา พบว่า จ.เชียงใหม่ กลับมาติดอันดับเมืองที่มีมลพิษมากที่สุด อยู่ในอันดับ 1 โดยค่า AQI หรือ Air Quality Index โดยรวมอยู่ที่ 424 ส่วน PM2.5 สูงถึง 385.4 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร.

(ขอบคุณข้อมูลจาก cmu.ac.th)