อธิบดี สถ.เปิดอาคารอเนกประสงค์ และสนามเด็กเล่นสร้างปัญญา ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กเทศบาลตำบลแม่คือ จังหวัดเชียงใหม่
เมื่อวันที่ 19 มี.ค.62 นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) เป็นประธานเปิดอาคารอเนกประสงค์ เทศบาลตำบลแม่คือ (อาคารอุดมสุข) และสนามเด็กเล่นสร้างปัญญา ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กเทศบาลตำบลแม่คือ โดยมี นายอนันต์ ทรัพย์วารี ที่ปรึกษาด้านการศึกษาท้องถิ่น นายจำลักษ์ กันเพ็ชร์ ผู้ตรวจราชการกรม นายมนัส สุวรรณรินทร์ ผู้อำนวยการกองส่งเสริมและพัฒนาการจัดการศึกษาท้องถิ่น ร่วมคณะ และมีนายนรศักดิ์ สุขสมบูรณ์ ท้องถิ่นจังหวัดเชียงใหม่ นายอรรถชา กัมปนาทแสนยากร นายอำเภอดอยสะเก็ด นายอุดม อิ่นคำ นายกเทศมนตรีตำบลแม่คือ นายธนกร วังขัดสีใส ท้องถิ่นอำเภอดอยสะเก็ด หัวหน้าส่วนราชการ และประชาชนในพื้นที่ ให้การต้อนรับ
โดย นายสุทธิพงษ์ กล่าวว่า เทศบาลตำบลแม่คือ อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ ได้รับการจัดสรรงบประมาณจากกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เพื่อดำเนินการก่อสร้างอาคารอเนกประสงค์ และสนามเด็กเล่นสร้างปัญญา ซึ่งขณะนี้ได้ดำเนินการก่อสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว พร้อมให้บริการประชาชน และอำนวยความสะดวกในงานบริการสาธารณะแก่ประชาชน ขอแสดงความยินดีที่วันนี้ เทศบาลตำบลแม่คือ ได้มีอาคารอเนกประสงค์หลังใหม่นี้ ไว้บริการประชาชนสร้างความประทับใจให้แก่ประชาชน ผู้มาติดต่องานราชการ และขอชื่นชมในความสมัครสมานสามัคคีของพี่น้องประชาชนตำบลแม่คือ ที่ร่วมกันสร้างสนามเด็กเล่น สร้างปัญญาให้กับเด็กๆในชุมชน ให้เด็กพบหนทางแห่งการพัฒนาร่างกาย สติปัญญา อารมณ์ และสังคม ให้ทุกคนในชุมชนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินการตามบริบทของพื้นที่ ตามภูมิปัญญาของบรรพบุรุษในท้องถิ่นของตนเอง ได้มาร่วมกันส่งเสริมให้เกิดความรัก ความสามัคคีในสังคม เพื่อสร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้ ส่งเสริมและผลักดันให้เกิดกระบวนการเรียนรู้ที่สร้างความสัมพันธ์ที่ดี โดยใช้กลไกของทุกคนในท้องถิ่นมาเป็นพลังขับเคลื่อนสิ่งที่ดีให้กับลูกหลานของเรา เพราะพลังของการขับเคลื่อนเหล่านั้น จะสามารถเป็นแรงหนุนให้ชุมชนมีความเข้มแข็ง ขยายวงของการพัฒนาการศึกษาของให้มีความยั่งยืนและกว้างไกลต่อไป
...
นายสุทธิพงษ์ กล่าวต่อว่า ในวันนี้เมื่ออาคารสถานที่ทุกอย่างพร้อมแล้ว ก็ขอให้บุคลากรของเทศบาลตำบลแม่คือ รวมถึงส่วนราชการในตำบล ผู้นำชุมชนทุกภาคส่วน มีความพร้อมที่จะให้บริการประชาชนในทุกๆด้านเช่นกัน เพราะอาคารหลังนี้ก็ถือว่า เป็นสมบัติส่วนรวมของประชาชนทุกคน ขอให้ร่วมมือร่วมใจกันพัฒนาท้องถิ่นให้เจริญรุ่งเรือง สมดังเจตนารมณ์ที่ตั้งไว้และขอให้ร่วมกันส่งเสริมให้เด็กไทย ให้ได้มีพัฒนาการที่สมบูรณ์ครบทุกด้านผ่านการเล่นสนามเด็กเล่นสร้างปัญญานี้ เพราะการเล่นจะเสริมสร้างสมาธิให้แก่เด็ก เกิดความสามัคคีกัน ให้เด็กมีสังคมแห่งมิตรภาพ มีความเป็นจิตอาสา และเป็นจุดเริ่มต้นของพัฒนาการที่ดี ซึ่งนอกเหนือจากการมีพื้นที่ให้เด็กได้เล่นและเสริมสร้างพัฒนาการด้านต่างๆ จากสนามเด็กเล่นสร้างปัญญา ที่จะช่วยทำให้เด็กพบหนทางแห่งการพัฒนาร่างกาย สติปัญญา อารมณ์ และสังคมแล้ว ทุกท่านยังสามารถจัดให้เป็นศูนย์การเรียนรู้ในเรื่องต่างๆ ได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นการส่งเสริมให้เด็กรู้จักการคัดแยกขยะ ที่ใช้หลักการ 3Rs หรือ 3ช : Reduce (ใช้น้อย) Reuse (ใช้ซ้ำ) และ Recycle (นำกลับมาใช้ใหม่) ไปใช้เป็นแนวทางในการจัดการขยะต้นทาง ซึ่งสอดคล้องกับการดำเนินการในเรื่องการทำถังขยะอินทรีย์ หรือถังขยะเปียกในครัวเรือน ปลูกฝังจิตสำนึกรักษ์สิ่งแวดล้อมให้แก่เยาวชนตั้งแต่ในวัยเด็ก รวมถึงโครงการ "ห้องน้ำท้องถิ่น สะอาด ปลอดภัย" ที่ขอฝากให้ท่านผู้บริหารทุกท่าน ช่วยกันพัฒนาห้องน้ำสาธารณะที่อยู่ในความรับผิดชอบ เช่น ห้องน้ำในสำนักงาน สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ โรงเรียน ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก โดยเน้นให้ได้มาตรฐาน 3 เรื่อง คือ สะอาด เพียงพอ ปลอดภัย ได้รับการดูแล ปรับปรุง ซ่อมแซม ให้อยู่ในสภาพดีอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเสริมสร้างสุขอนามัยให้แก่ประชาชนและนักท่องเที่ยว ที่ต้องบริการห้องน้ำสาธารณะ ปรับปรุงภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศในฐานะประเทศท่องเที่ยวด้วย
นายสุทธิพงษ์ กล่าวต่อส่า และอีก 1 โครงการที่ขอฝากทุกท่านไว้ด้วย นั่นคือ "โครงการวัด-ประชา-รัฐ-สร้างสุข พัฒนาวัดด้วยแนวทาง 5 ส" ที่กรมฯได้ขอให้ 1 องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มีอย่างน้อย 1 วัดเข้าร่วมโครงการฯ เว้นแต่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้น ไม่มีวัดอยู่ในพื้นที่ ก็ให้คัดเลือกศาสนสถาน ของศาสนานั้นดำเนินการตามโครงการฯแทน โดยอนุโลมให้สอดคล้องกับหลักของศาสนานั้นๆ ซึ่งมีสาระสำคัญในการทำชุมชนให้เข้มแข็ง โดยมีวัดเป็นศูนย์กลางของชุมชน ด้วยแนวทาง 5 ส เพื่อให้ทุกภาคส่วน มีส่วนร่วมในการทำชุมชนให้เข้มแข็ง และวัดพร้อมเป็นศูนย์กลางของชุมชนอย่างยั่งยืน และกรมฯเห็นว่าโครงการดังกล่าว เป็นการจรรโลงและดำรงไว้ ซึ่งพระพุทธศาสนาเป็นหน้าที่ของพุทธบริษัท 4 ทั้งฝ่ายพุทธจักร และฝ่ายอาณาจักร ที่ต้องคอยเกื้อกูลและสนับสนุนซึ่งกันและกัน ประกอบกับการนับถือศาสนา คำสอนของศาสนา และพิธีกรรมทางศาสนา เป็นส่วนหนึ่งของจารีตประเพณี และวัฒนธรรมอันเป็นอำนาจหน้าที่ ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ให้ทุกคนในชุมชนได้มีโอกาสช่วยกันทำสิ่งที่ดี นั่นคือ ทำให้วัดหรือศาสนสถาน มีความสะอาด เป็นระเบียบเรียบร้อย สวยงาม อันจะเป็นการสร้างสุขลักษณะที่ดี และสร้างความเลื่อมใส ให้แก่เด็ก เยาวชน และคนในท้องถิ่นนั้นๆ และในปี 2562 กรมฯจะเริ่มระยะที่ 2 โดยเชิญชวนให้ทุก อปท.เพิ่มจำนวนวัดหรือศาสนสถานอีก 1 แห่ง นั่นหมายความว่า ภายในปี 2562 ทุก อปท.จะมีศาสนสถานที่เข้าร่วมโครงการ อย่างน้อย 2 ศาสนสถานนั่นเอง