สาวศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจเข้าคลินิกแก้จมูก แปลกใจผ่าตัด 20 นาทีเสร็จ หลังจากนั้นเกิดอาการอักเสบ ถามหาหมอก็อ้างติดต่อไม่ได้ สืบหาความจริงพบแอบอ้างชื่อหมอ ซ้ำปิดคลินิกเปลี่ยนชื่อเปิดใหม่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อวันที่ 18 มี.ค. 2562 ที่ผ่านมา พบหญิงผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง มีอาการบาดแผลอักเสบหลังการทำศัลยกรรมจมูกที่คลินิกแห่งหนึ่งย่านลาดพร้าว โดยเธอได้พยายามศึกษาและหารีวิวว่ามีความปลอดภัยก่อนที่จะตัดสินใจเข้าไปปรึกษาเรื่องการแก้ไขจมูก ในวันที่ 8 ก.พ. 2562 เมื่อไปถึงคลินิกพบว่ามีผู้มารับบริการจำนวนมาก ไม่ได้คุยกับหมอ แต่พนักงานของคลินิกเข้ามาแนะนำซิลิโคนรูปทรงต่างๆ และแจ้งว่าถ้าสะดวกทำวันนี้ก็สามารถแทรกคิวให้ได้เลย

วันนั้นจึงตัดสินทำในราคา 18,000 บาท กระทั่งเวลาประมาณ 17.00 น. พนักงานเรียกเข้าห้องผ่าตัด พบผู้หญิงคนหนึ่งในชุดสีเขียวสวมหน้ากากอนามัยบอกว่าตัวเองเป็นหมอ โดยเมื่อนอนลงบนเตียง จากนั้นใช้เข็มมาจิ้มที่จมูกประมาณ 3-4 ครั้ง รู้สึกเจ็บมาก อีกทั้งไม่มีการเช็ดหน้าหรือล้างเครื่องสำอางออก ใช้ผ่าตัดแก้จมูกเสร็จในเวลาเพียง 20 นาที ทางคลินิกก็ให้ยาที่ใช้กินหลังทำโดยไม่มีเอกสารอื่นๆ หรือใบเสร็จ ก่อนจะนัดให้มาตัดไหมวันที่ 19 ก.พ.

แต่เมื่อมาถึงบ้านในวันเดียวกันก็มีอาการผิดปกติ ขาซิลิโคนบิดเวลาเคี้ยวข้าวจึงติดต่อกลับไปที่คลินิกเพื่อขอให้หมอช่วยดูให้ จึงนัดให้มาในวันที่ 13 ก.พ. ซึ่งหมอที่ทำให้บอกว่าเป็นอาการปกติ ไม่ต้องกังวล แล้วก็ให้กลับบ้าน หลังจากนั้นเธอก็พยายามดูแลรักษาแผลตามคำแนะนำ จนกระทั่งวันที่ 18 ก.พ. แผลเกิดอาการอักเสบ บวม มีน้ำเหลืองและหนองบริเวณรอยเย็บ แต่คลินิกก็ยังบอกให้ไปในวันที่นัดตัดไหม เธอรู้สึกว่ารอไม่ได้จึงไปโรงพยาบาลใกล้บ้าน ได้รับแจ้งว่าแผลอักเสบ แต่วินิจฉัยไม่ได้ว่าร้ายแรงขนาดไหน ให้กลับไปที่คลินิก จากนั้นเธอพยายามขอชื่อจริงแพทย์และขอดูใบประกอบโรคศิลปะของหมอที่ผ่าตัด แต่ทางคลินิกแจ้งว่าไม่สามารถติดต่อหมอได้ ไม่รู้จักชื่อจริงหมอ แจ้งแค่ว่าชื่อหมอเมย์ และไม่มีใบประกอบโรคศิลป์ เพราะหมอไม่ได้ให้ไว้

...

จนวันที่ 19 ก.พ. เมื่อไปถึงคลินิกก็ไม่พบหมอเมย์ เจอแต่หมอคนอื่นจึงให้เขาดูแผลให้ หมอก็บอกว่าต้องฉีดยาแก้อักเสบ 5 วันติดต่อกัน หลังฉีดเสร็จได้ขอใบรับรองแพทย์ แต่ได้ชื่อเป็นนายแพทย์ ไม่ใช่หมอผู้หญิงที่ผ่าตัดให้ ทำให้รู้สึกผิดปกติ ถามถึงหมอเมย์ก็บอกว่าไม่มา แต่มีการแจ้งชื่อแพทย์หญิงคนหนึ่งให้ และไม่สามารถติดต่อหมอเมย์ได้ หลังจากออกจากคลินิกมีอาการหน้ามืด เวียนศีรษะ แน่นหน้าอก หายใจไม่ออก คิดว่าคงเป็นผลข้างเคียงของตัวยาที่ฉีด พอถึงบ้านพักผ่อนจนดีขึ้น

“จากนั้นนำชื่อแพทย์ทั้งหมดที่คลินิกแจ้งมาค้นหาดูในเว็บแพทยสภา และ google ซึ่งทั้งหมดเป็นแพทย์จริง แต่หน้าตาไม่ตรงกับหน้าแพทย์ที่เจอที่คลินิกสักคนเดียว เลยหาข้อมูลเพื่อติดต่อกับแพทย์ทุกคนที่คลินิกอ้างชื่อแจ้งเรื่องให้เขาฟัง เขาบอกว่าไม่เคยรู้จักกับคลินิกนี้ นั่นหมายความว่าโดนคลินิกหลอก เอาชื่อแพทย์ท่านอื่นมาแอบอ้าง”

ทั้งนี้ เธอได้ไปที่คลินิกอีกครั้งเพื่อขอพบเจ้าของแต่ก็ไม่เจอตัว พบเพียงผู้หญิง 2 คน ที่หนึ่งในนี้อ้างว่าเป็นทนายความ จึงเล่าเรื่องราวทั้งหมดและขอคำชี้แจง ซึ่งคนที่อ้างว่าเป็นทนายชี้แจงแค่ว่า ทางคลินิกยอมรับว่ามีความประมาท และปิดคลินิกตั้งแต่วันที่ 25 ก.พ. แต่ไม่ได้พูดยอมรับหรือปฏิเสธ จึงบอกคนที่อ้างเป็นทนายไปว่า ถ้าไม่ได้ชื่อหมอที่ผ่าตัดและสามารถพิสูจน์ว่าไม่ใช่หมอจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด และนับตั้งแต่วันนั้นก็ไม่ได้รับการติดต่อกลับจากทางคลินิกอีกเลย และล่าสุดเมื่อวันที่ 17 มี.ค. เธอเพิ่งมาทราบว่าคลินิกมีการเปลี่ยนชื่อและเปิดให้บริการอีกครั้ง ส่วนบุคลากรก็เป็นชุดเดิม จึงอยากให้เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์และไม่อยากให้ใครตกเป็นเหยื่ออีก อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ (19 มี.ค.) เธอได้รวบรวมหลักฐานต่างๆ ไปยื่นต่อสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคแล้ว.

ภาพข้อความบางส่วนที่ผู้โพสต์พุดคุยกับทางคลินิก