ถกกันเต็มโซเชียล จากเคสลุงวิศวะ ถูกศาลสั่งจำคุก 10 ปีในคดียิงวัยรุ่น ชาวเน็ตร่วมวิเคราะห์ คนมีปืนยิงแบบไหนถึงเข้าข่ายป้องกันตัวที่เรียกว่าสมควรแก่เหตุ

สมาชิกพันทิปหมายเลข 4734482 ตั้งกระทู้ ถ้าโดนรุมทำร้ายแล้วเรามีปืน กรณีไหนบ้างถึงจะเรียกว่าป้องกันตัวสมควรแก่เหตุ จากกรณีจำคุกลุงวิศวะ 10 ปี ยิงโจ๋ตาย ทั้งนี้ มีสมาชิกพันทิปเข้ามาแสดงความคิดเห็นในกระทู้ดังกล่าวเป็นจำนวนมาก เช่น

สมาชิกหมายเลข 1781328 ระบุว่า กรณีเหล่านี้ครับ 1. คุณอยู่ที่บ้าน, ร้านทอง แล้วมีกลุ่มคนเข้ามารุมทำร้ายคุณเพื่อจะชิงทรัพย์ คุณหยิบปืนออกมายิงไป 1 นัดเพื่อป้องกันชีวิตและทรัพย์สินของตัวคุณเอง คนร้ายเสียชีวิต แต่คุณมีกล้อง CCTV บันทึกเหตุการณ์เอาไว้ทั้งหมด เห็นเหตุการณ์ตั้งแต่แรกว่าตัวคุณเองอยู่บ้านเฉย ๆ แต่มีใครไม่รู้เข้ามารุมทำร้าย

2. คุณขับรถไปเฉย ๆ ไม่ได้ไปยั่วยุใคร ขับรถไปจอดติดไฟแดงแล้วถูกอีกฝ่ายที่มาจากไหนไม่รู้ ไม่เคยรู้จัก ลงมารุมทำร้าย มีกล้อง CCTV บันทึกเหตุการณ์ทั้งหมดไว้ และไม่มีหลักฐานอะไรมาหักล้างว่าตัวคุณเองเป็นคนกระทำพฤติกรรมยั่วยุให้เกิดเหตุการณ์ทะเลาะวิวาท

...

กรณีลุงวิศวะ ไม่เข้าข่ายการป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมายเลยแม้แต่น้อย สาเหตุเพราะ

1. เหตุการณ์ทะเลาะวิวาทเพราะการจอดรถขวางทางจบไปแล้ว คู่กรณีขับรถออกไปแล้ว หากต่างคนต่างไป เหตุการณ์ยิงกันตายย่อมไม่เกิดขึ้น

2. ฝั่งลุงไม่ยอมจบ ขับรถตาม บีบแตรยาว ขับปาด ฯลฯ แสดงพฤติกรรมยั่วยุจนอีกฝ่ายโมโห และตามมาราวี

3. คลิปการสนทนาในรถ ทำให้รู้ชัดเจนว่ามีการเตรียมปืนเอาไว้ รอรับเหตุ คือพร้อมทะเลาะวิวาทนั่นแหละ

ถ้าเป็นคนปกติทั่วไป ไม่มีปืนในมือ ในรถมีทั้งแม่ ลูก และเมีย คงไม่มีใครตามไปบวกรถตู้ที่มีคนเต็มคันแน่ กรณีเหล่านี้แหละชัดเจนว่าลุงก็ไม่ธรรมดา อาจเป็นเพราะอาวุธปืนในมือมันร้อน ทำให้รู้สึกว่าเรามีของ จะยังไงก็ได้ ชีวิตต้องการแรงปะทะ ถึงเกิดการปะทะ ยังไงเราก็ได้เปรียบ

(หลายคนที่มีปืนในมือ มักมีความคิดแบบนี้ และเกิดอาการลุแก่อำนาจปืนโดยง่าย มักทำเรื่องเล็กให้กลายเป็นเรื่องใหญ่)

4. เป็นงาน ในการหาพรรคพวกในโซเชียล โดยการซอยคลิป เอาเหตุการณ์สุดท้ายมาออกก่อน เรียงคลิปแบบ 3, 2, 1

- คลิปสุดท้าย คลิปขับรถมาแล้วถูกรถตู้ไล่ตาม แล้วถูกทำร้าย

- คลิป 2 คือคลิประหว่างขับรถที่ถูกรถตู้ขับตามสาดไฟสูงใส่

- คลิป 1 คือคลิปที่มีปัญหาทะเลาะกันที่ตลาด แล้วมีการพูดถึงปืน

ถ้าไม่มีการซอยคลิป แต่เอาคลิปทั้งหมดมาเผยแพร่ทาง youtube / facebook ไปเลย ให้ทุกคนเห็นแต่แรกว่าเหตุเกิดจากการทะเลาะกัน อีกฝ่ายขับรถออกไปแล้ว แต่ลุงขับไล่ตาม บีบแตรไล่ แล้วขับปาดขึ้นหน้า ลุงจะไม่ได้แรงเชียร์จากโซเชียลมากมายอย่างแน่นอน

กรณีนี้สู้คดีต่อก็มีแต่เสียเงิน เสียเวลา และสถานะยังไม่เป็นนักโทษที่คดีถึงที่สุด ทำให้ไม่ได้รับการลดโทษ

ขณะที่ สมาชิกหมายเลข 3980485 อธิบายว่า จากหนังสือคำอธิบายกฎหมายอาญา ภาค 1 บทบัญญัติทั่วไป โดย ดร. เกียรติขจร วัจนะสวัสดิ์ ผู้ที่จะอ้างป้องกันได้ จะต้องไม่มีส่วนผิดในการก่อการให้เกิดภยันตราย ฎีกาที่ 1665/2543 วินิจฉัยว่า ผู้ป้องกันต้องถูกกระทำฝ่ายเดียว จึงได้กระทำไปเพื่อป้องกันสิทธิของตน

ในบางกรณี แม้จะมีภยันตรายเกิดขึ้น และเป็นภยันตรายที่เกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมาย ผู้ที่จะรับภยันตรายนั้นก็ไม่มีสิทธิที่จะกระทำการโต้ตอบกลับมาโดยอ้างป้องกันตามมาตรา 68 หากตนมีส่วนผิด ในการก่อภยันตรายนั้นขึ้น

ผู้มีส่วนผิดในการก่อให้เกิดภยันตรายนั้นมีดังต่อไปนี้
ก. ผู้ที่ ก่อภัยขึ้นในตอนแรก
ข. ผู้ที่ สมัครใจ เข้าวิวาท ต่อสู้กัน
ค. ผู้ที่ ยินยอม ให้ผู้อื่นกระทำต่อตนเองโดยสมัครใจ
ง. ผู้ที่ ยั่ว ให้คนอื่นโกรธ

ก. ผู้ที่ก่อภัยขึ้นในตอนแรก ไม่มีสิทธิกระทำการโต้ตอบกลับไปโดยอ้างป้องกัน ฎีกาที่ 2154/2519 "จำเลยกับพวกก่อเหตุชกต่อยผู้เสียหายแล้ววิ่งหนี ผู้เสียหายไล่ตามต่อเนื่องไม่ขาดตอน จำเลยยิงผู้เสียหาย ดังนี้ไม่เป็นป้องกัน"

ข. ผู้ที่สมัครใจเข้าวิวาทต่อสู้กัน การวิวาท หมายถึง สมัครใจเข้าต่อสู้ทำร้ายกัน (ฎีกาที่ 1961/2528 น. 674) หากฝ่ายใดเพลี่ยงพล้ำแก่อีกฝ่ายหนึ่งจะกระทำการโต้ตอบกลับไปโดยอ้างป้องกันมิได้ เพราะตนมีส่วนผิดในการที่สมัครใจเข้าวิวาทต่อสู้กันเสียแล้ว

ตัวอย่างฎีกาที่ 2322/2522 น. 1859 "จำเลยโต้เถียงกับผู้ตายแล้วสมัครใจเข้าวิวาทต่อสู้กัน ผู้ตายและผู้เสียหายมีอาวุธในมือเข้าจะทำร้ายจำเลย จำเลยยิงผู้ตายและผู้เสียหาย จำเลยอ้างว่าป้องกันไม่ได้"  

หมายเหตุ การที่ผู้ตายและผู้เสียหายจะใช้อาวุธเข้าทำร้ายจำเลย เป็นภยันตรายต่อจำเลยอันเกิดจากการละเมิดกฎหมาย อย่างไรก็ตาม การที่จำเลยยิงผู้ตายและผู้เสียหาย ก็อ้างป้องกันไม่ได้ เพราะเป็นคู่วิวาท


(อ่านฉบับเต็ม คลิกที่นี่)