รออย่างไม่มีจุดหมาย! 'ภรรยา' หนุ่มฟอร์จูนเนอร์รอดตายปาฏิหาริย์ เปิดใจผ่านไปแล้ว 3 เดือน ยังไม่ได้รับการเยียวยาจากคู่กรณี ต้องควักเงินเก็บมาใช้ เสียใจไม่ได้รับความเป็นธรรม...

จากกรณีอุบัติเหตุใหญ่ เมื่อวันที่ 27 พ.ค.61 รถบรรทุกทำตู้คอนเทนเนอร์เมล็ดถั่วเหลืองพลิกคว่ำ ทับรถโตโยต้าฟอร์จูนเนอร์ จนแบนทั้งคัน ซึ่งเจ้าหน้าที่ต้องใช้รถเครนช่วยยกและใช้เครื่องตัดถ่างช่วยชีวิตหนุ่มคนขับฟอร์จูนเนอร์ออกมาได้อย่างปลอดภัย

แต่ล่าสุด วันที่ 14 ก.ย.61 นางลมุล อยู่ญาติมาก เปิดใจกับ ทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์ ว่าขณะนี้ทางบริษัทคู่กรณียังไม่จ่ายค่าชดเชยให้ทางครอบครัว ได้เพียงเงินจากประกันฝั่งเรา และเงินบางส่วนจากประกันฝั่งเขา ซึ่งก็จ่ายไม่เต็มจำนวนได้มาเพียง 500,000 บาท ซึ่งตามจริงประกันฝั่งเขาสามารถจ่ายได้มากกว่านี้ แต่เขามองว่าเป็นรถที่ใช้แล้ว จากวงเงินที่เขาต้องจ่าย 600,000 บาท ก็เหลือจ่ายจริงมาแค่ 2 แสนกว่าบาท แล้วก็ให้ค่ารักษามา 3 แสนกว่าบาท ซึ่งเงินทั้งหมดถ้าไม่ได้ไปร้องเรียนที่ คปภ. ก็จะไม่ได้เงินจำนวนนี้มา

นอกจากนี้ บริษัทคู่กรณีไม่มีการโทรติดต่อมาเงียบหายไป ล่าสุดวันที่ 11 ก.ย.ที่ผ่านมา เดินทางไปฟังคำพิพากษาของ นายณรงค์ วงษ์เพ็ญ คนขับรถบรรทุก โดยศาลมีคำสั่งยกฟ้อง ซึ่งน้อยใจมากเพราะ สน.จรเข้น้อย เขียนคดีไปแค่ 'เมาแล้วขับ' แทนที่จะเขียนไปว่า 'เมาแล้วขับทำให้ผู้อื่นเสียหายจนบาดเจ็บสาหัส' จึงกลัวว่าจะมีผลต่อรูปคดีที่หลังจากนี้ ที่ทางเราจะเตรียมฟ้องโดยมีเอกสารครบหมดทุกอย่าง

...

ซากรถ 'ฟอร์จูนเนอร์' ที่ถูกตู้คอนเทนเนอร์คว่ำทับ
ซากรถ 'ฟอร์จูนเนอร์' ที่ถูกตู้คอนเทนเนอร์คว่ำทับ

สำหรับประเด็นคือ วันที่ 11 ก.ย.ที่ผ่านมา คนขับรถบรรทุกต้องติดคุกด้วยซ้ำ แต่ศาลยกฟ้องเพราะเนื่องจากวันที่ 28 พ.ค.61 หลังจากเกิดอุบัติเหตุเพียงหนึ่งวัน ไม่มีใครไปอุทธรณ์ ซึ่งวันนั้นสามียังนอนอยู่ในห้องพักฟื้นไอซียูที่โรงพยาบาล ไม่สามารถไปอุทธรณ์ได้ แต่ตำรวจดันสรุปคดีเบ็ดเสร็จหมด ทำให้ในเอกสารเขียนว่า ไม่มีใครไปอุทธรณ์คดีนี้ถือสิ้นสุด ศาลจึงยกฟ้อง ทำให้ครอบครัวเสียใจมาก ตอนนั้นอัยการจึงได้เรียกไปคุย บอกคดีของนี้ไม่ใช่แค่เมาและขับอย่างเดียว มีทั้งรถทับจนยับและได้รับบาดเจ็บ เขาจึงจะอุทธรณ์ให้ และอีกประมาณ 1 เดือนจะติดต่อกลับมา

ขณะนี้ ผ่านมาแล้วประมาณ 3 เดือน อาการของสามีเริ่มโอเคขึ้น แต่มือซ้ายที่ถูกกดทับเป็นเวลา 2 ชั่วโมง 45 นาที เริ่มไม่ปกติ นิ้วกระดกขึ้นไม่ได้ ซึ่งใบรับรองแพทย์ก็เขียนว่า ยังไม่สิ้นสุดการรักษา แพทย์ประเมินว่าต้องผ่าตัด ถ้าแค่ให้มันกระดิกได้ ค่าใช้จ่ายประมาณ 140,000 บาทต่อครั้ง แต่มองว่าระยะเวลาในการรักษาและพักฟื้นจริงนั้นคงเกือบปี ทุกวันนี้สามีต้องใช้มือขวาด้านเดียว เมื่อ 2-3 เดือนก่อน แค่จับช้อนยังไม่ได้ร่วงตลอด ยังดีที่ตอนนี้เริ่มจับช้อนได้แล้ว แม้จะมองว่ามันเล็กน้อย แต่จริงๆ แล้วมือนั้นเป็นส่วนที่สำคัญต้องใช้ทำมาหากิน

ส่วนเรื่องค่ารถได้เงินประกันมา 730,000 บาท จึงนำมาดาว์นรถคันใหม่ เพราะคนกรุงเทพฯ ถ้าไม่มีรถให้ใช้มันลำบากมาก จะขึ้นแท็กซี่ทุกวันก็ไม่ได้ ซึ่งก่อนหน้านี้มีช่วงหนึ่ง ทางโตโยต้าสำนักงานใหญ่ นำรถมาให้ครอบครัวใช้ เพราะเขาเห็นสามีไปออกรายการ แล้วต้องนั่งรถแท็กซี่ไปหาหมอและส่งลูกไปโรงเรียน ก็รู้สึกเกรงใจและขอบคุณมาก

หลังจากนี้ จะเตรียมฟ้อง 4 คน คือ คนขับรถบรรทุก, เจ้าของรถ, เจ้าของบริษัทคู่กรณี และบริษัทท้ายลาก ซึ่งตอนแรกได้มีการพูดคุยเจรจากับเจ้านายของคนขับรถบรรทุก ได้เรียกร้องเงินไป 1,320,000 บาท รวมกับที่บริษัทประกันของเขาต้องจ่ายแล้ว ถือว่าตัวเขาเองต้องจ่ายเงินเพียงไม่กี่แสนเรื่องก็จบ แต่เขาดันทำให้เราต้องเสียเงินค่าทนาย ต้องรอคอยอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ไม่เห็นแสงสว่างเลยว่าอยู่ตรงไหน จะไปทางไหนหรือจบอย่างไร

"ที่จริงสามีเป็นคนขอไปทำงานเอง เพราะเงินเก่าไม่เหลือแล้ว ซึ่งกลับไปทำก็ไม่เต็มที่เหมือนเมื่อก่อน แต่บริษัทกับลูกน้องเข้าใจ เพราะสามีเป็นคนเก่าคนแก่ทำงานมานาน 20 ปี เงินโอทีก็ลดลงไปเยอะเพราะทำไม่ได้เท่าเมื่อก่อน แล้วค่าใช้จ่ายแต่ละเดือนทั้งค่าบ้าน, ค่ารถ, ค่าลูกไปโรงเรียน ก็เยอะมาก ซึ่งเงินที่เขาให้เรามา 500,000 บาท ก็ไม่พอจริงๆ"

ทั้งนี้ หากถามว่าอยากได้เงินไหม ก็อยากได้เพื่อมาเป็นต้นทุน ถ้าหากชดเชยก็ยังพอรับได้ เพราะที่จริงก็ไม่ได้ไปหวังทุกอย่างจากเขา ก็ดูเท่าที่เหมาะสม พร้อมอยากให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ช่วยตรวจสอบคดี ดูรายละเอียดที่เขายื่นฟ้องว่ายื่นแบบไหน ถูกต้องหรือเปล่า จริงๆ ต้องการแค่ความยุติธรรมต่อครอบครัว ช่วยกับมารับผิดชอบในสิ่งที่ทางเราได้เสียไปแค่นั้น ไม่ควรเงียบไปแบบนี้.