น้องชาย ไฮโซสาว ถูกลูกน้องคนสนิทตีดับคาโรงแรม ระบุมั่นใจ ปมหนี้สิน เป็นชนวนฆ่า เผยพี่สาวเคยโดนอีกฝ่ายทำร้าย บีบคอจนช้ำ น้ำตาคลอ บอกแม่ป่วย ยังไม่ทราบพี่เสียชีวิต ...
นายพิพัฒน์ ตั้งวิบูลย์พาณิชย์ อายุ 36 ปี น้องชาย น.ส.ธิติมา หรือเชอร์รี่ ตั้งวิบูลย์พาณิชย์ อายุ 39 ปี ไฮโซสาวนักธุรกิจ ถูกไม้เบสบอลทุบศีรษะ เสียชีวิตในโรงแรมแห่งหนึ่ง ก่อนจะถูกพบเมื่อวันที่ 30 ก.ค.ที่ผ่านมา ให้สัมภาษณ์ใน รายการโหนกระแส ถึงปมเหตุที่พี่สาววถูกฆ่าตาย
โดย นายพิพัฒน์ เผยว่า ตนรู้จัก นายโก้ มาประมาณ 1 ปี โดยพี่สาวพามาให้รู้จัก ว่าทำงานเกี่ยวกับสินเชื่อ เหมือนเป็นลูกน้องคนหนึ่ง ส่วนความสัมพันธ์กับพี่สาว ตนไม่ทราบมาก่อน ซึ่งถ้าครอบครัวรู้ ก็คงไม่ปล่อยให้คบกัน เพราะทางบ้านมองว่าไม่เหมาะสมกัน
เมื่อถามว่า 3 เดือนก่อนเกิดอะไรขึ้น นายพิพัฒน์ เล่าว่า เมื่อ 3 เดือนก่อน พี่เชอร์รี่ โทรเรียกตนเข้ามาคุยที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง เมื่อไปถึงก็เจอพี่สาว กับนายโก้ ก่อนพี่สาวจะเปิดฉากถาม นายโก้ว่า เรื่องหนี้สิน จะเอาอย่างไร ซึ่งตอนแรกตนไม่รู้ ตนยังบอกว่า มีเรื่องอะไรให้ค่อยๆคุยกัน แต่นายโก้ ก็ยืนยันว่าจะเคลียร์ให้ ก่อนจะบอกว่า เค้าคบกับพี่สาวตนมาสักระยะแล้ว ตอนนั้นตนก็ช็อก แต่ก็ยังประคองสติได้ ก่อนพี่สาวพูดขึ้นมาว่า นายโก้บีบคอเค้า และเปิดรอยบริเวณคอให้ดู ทำให้ตนโมโห กระโจนเข้าต่อยนายโก้ ทันที ก่อนจะมีคนมาห้าม และนายโก้ ก็พยายามอธิบายว่า ไม่ได้ทำร้าย แต่พี่ตนกระโจนใส่ และนายโก้ใช้มือกันไว้ ทำให้เป็นรอย ซึ่งตนก็ไม่เชื่อ แต่ก็ไม่ได้ไปแจ้งความ
หลังจากเหตุการณ์นั้น ตนก็คุยกับพี่สาวไม่อยากให้คบนายโก้ เพราะไม่เหมาะสม แต่พี่สาวบอกว่าเคลียร์แล้ว และเค้าก็ตกลงที่จะคบกันต่อ ซึ่งพ่อเองก็ไม่ได้พูดเตือนอะไร เพราะเหมือนพี่สาวเอง เป็นผู้นำครอบครัว ดูแลทุกอย่างในครอบครัว เชื่อมั่นในตัวเองสูง ใครพูดอะไรไม่ค่อยเชื่อ
...
นายพิพัฒน์ เล่าต่อว่า วันสุดท้ายก่อนที่พี่จะหายไป คือวันที่ 26 ก.ค. พี่สาวก็มาทำงานปกติ ทักทายในไลน์กรุ๊บที่ทำงาน หรือสั่งงานในไลน์ปกติ แต่ตนไม่เห็นนายโก้ ซึ่งปกติจะมากับพี่สาวด้วยเป็นประจำ
วันเกิดเหตุ คือ 27 ก.ค. วันนี้ถือว่าผิดปกติ เนื่องจากเช้ามาพี่สาวตนจะทักทายในกลุ่มที่ทำงาน และวางแพลนว่าจะทำงานอะไรบ้าง แต่วันนั้น พี่เชอร์รี่ไม่ตอบอะไรใดๆในไลน์ ตั้งแต่ 9 โมง โดยลูกน้องโทรหา จะเบิกเงินไปซื้อน้ำมันเติมแบ็กโฮ แต่นายโก้รับ และว่า พี่เชอร์รี่ไปทำธุระ พร้อมให้ส่งเลขบัญชีมา แล้วจะโอนให้ แต่ก็ไม่โอน ซึ่งตอนนั้นก็มีหลายคนรู้ว่าทั้งสองคนคบกัน เลยไม่เอะใจอะไรที่อีกคนจะรับโทรศัพท์แทน
จากนั้นเวลา 11.00 น. เลขาฯ โทรไปหาพี่เชอร์รี่ เพราะว่ามีนัดเทปูน โทรไปนายโก้รับ และว่าพี่สาวไปไซต์งานกับใครไม่รู้ เดี๋ยวคงกลับ และลืมมือถือไว้ ซึ่งเลขาฯ ก็ยังไม่ได้เอะใจ ต่อมา 14.00 น. เลขาฯ หน้าไซต์งาน ไม่เห็นว่าปูนมาสักที ก็โทรหาพี่สาวอีก ซึ่งนายโก้ ก็รับ และว่าพี่เชอร์รี่ ทำบุญอยู่ที่วัด และเครื่องก็ปิดไปตอน 15.00 น. ก่อนที่ลูกน้องจะโทรหานายโก้ ซึ่งนายโก้ บอกว่า ตอนนี้แยกกับพี่เชอร์รี่แล้ว และตัวเองกำลังจะเดินทางไปต่างประเทศ ก่อนวางหูไป และติดต่อไม่ได้อีก
จากนั้น วันที่ 28 ก.ค. ซึ่งเป็นวันหยุด ไซต์งานปิด ก็ไม่มีการติดต่อใดๆในไลน์ ซึ่งตนก็เข้าใจว่า เค้าคงเคลียร์ปัญหาอะไรกันอยู่ แต่วันที่ 29 ก.ค. เริ่มผิดวิสัย ที่พี่เชอร์รี่จะทิ้งงานไปหลายวัน เพราะพี่สาวเป็นคนที่รักงานมาก ลูกน้องส่งงานไปทางไลน์ก็นิ่ง
จากนั้นตนกลับบ้านก็ไปบอกพ่อว่า พี่เชอร์รี่หายไป พ่อก็บอกว่า พี่ชายอีกคนรู้มาว่า นายโก้ มีภรรยาแล้ว ตนก็ตกใจ โดยภรรยานายโก้เคยโทรหาพี่ชาย บอกว่า นายโก้ มีเมีย มีลูกแล้ว ไม่อยากให้พี่สาวตนคบ ซึ่งตอนแรกพี่สาวตนก็ไม่ทราบว่า นายโก้ มีภรรยา กระทั่งภรรยาเค้าโทรมา จึงรู้เรื่อง
กระทั่งวันที่ 30 ก.ค. ตนไปตามหา เพราะได้เบาะแสจากภรรยาเก่าของนายโก้มา หลังจากทะเลาะกันเมื่อปีที่แล้ว และฝ่ายหญิงถามนายโก้ว่า จะเอาอย่างไร แต่ นายโก้ เลือกที่จะคบพี่เชอร์รี่ ทำให้ต้องเลิกกับผู้หญิงคนนั้นไป ซึ่งผู้หญิงคนนั้นสามารถเช็กได้ว่า นายโก้อยู่ที่ไหน และเคยเอาเสื้อผ้านายโก้ไปให้ที่หน้าโรงแรมที่เกิดเหตุ ตนจึงตามไป
เมื่อไปถึงทางพนักงานโรงแรมก็ยังไม่ให้ตนขึ้นไปหาพี่สาว และว่าจะต้องแจ้งตำรวจให้ขึ้นไปดูให้ ซึ่งเมื่อตำรวจมา ก็ขึ้นไปกับเจ้าหน้าที่โรงแรม ประมาณ 10 นาทีก็กลับลงมา พนักงานก็เดินหลบไปหลังเคาน์เตอร์ ตำรวจก็เดินออกไปข้างนอก ทุกคนสีหน้าไม่ดี ตนจึงเดินตามออกมาถามว่า เกิดอะไรขึ้น ตำรวจก็บอกว่า มีกลิ่น ตนก็เข่าอ่อน ร้องไห้ทันที จากนั้นก็ต้องรอเจ้าหน้าที่มูลนิธิมาก่อน ถึงจะขึ้นไปได้
เมื่อตนขึ้นไปพร้อมเจ้าหน้าที่ทั้งหมด เปิดประตูห้องเข้าไป ก็เห็นพี่สาว นั่งฟุบอยู่ข้างเตียง
ขณะที่ตอนนี้มีภาพของ นายโก้ ปรากฏที่โรมแรมแห่งหนึ่ง ในประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งตนก็อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ตามจับคนร้ายให้ได้ ผมได้ทำหน้าที่หาพี่สาวจนเจอแล้ว ตอนนี้ก็ขอให้เจ้าหน้าที่จับฆาตกรให้ได้ ซึ่งตนขอแค่นี้ พี่เชอร์รี่ไม่ใช่แค่พี่สาว แต่เป็นเหมือนแม่ ที่ดูแลตนทุกอย่าง อีกทั้งตนเชื่อว่า นายโก้ มีการเตรียมการอย่างดี ลงมือตีพี่สาวตนหลายครั้งจนเสียชีวิต และเปิดแอร์ทิ้งไว้ 2 ตัว คล้ายรักษาสภาพศพ
ส่วนเรื่องเงินจำนวน 2.7 ล้านบาท ที่ปรากฏตามข่าวตนไม่ทราบ ครอบครัวก็ไม่ทราบ ทราบเพียงว่า วันที่ 26 ก.ค. พี่เชอร์รี่ได้ไปเบิกเงินมาจำนวน 2.5 แสนบาท ส่วนทรัพย์สินอื่นที่หายไป ก็มีกระเป๋าที่สะพายติดตัว ซึ่งมีข้อมูลต่างๆ รวมทั้งบัตรเครดิต โทรศัพท์มือถือ นายโก้ก็เอาไปหมด ซึ่งปมสังหาร ตนเชื่อว่า น่าจะเป็นเรื่องของหนี้สิน ที่พี่สาวตนเคยทวง ซึ่งเค้าก็น่าจะได้ไปเยอะพอสมควร
ทั้งนี้ ตนมาทราบจากลูกน้องทีหลังว่า เค้าสองคน ทะเลาะกันบ่อย จนมีลูกน้องลาออกไป 1 คน เนื่องจากกลัว เพราะนายโก้ขู่ว่า อย่ามายุ่ง
อย่างไรก็ตาม สภาพครอบครัวตอนนี้ คุณแม่กำลังป่วย จึงยังไม่มีใครกล้าบอกให้รู้ว่าพี่เชอร์รี่เสียชีวิตแล้ว ซึ่งตอนนี้เค้าก็ยังไม่รู้ ส่วนคุณพ่อก็เสียใจมาก เพราะว่ามีลูกสาวคนเดียว นอกนั้นลูกชาย 3 คน และพี่เชอร์รี่ยังเป็นคนที่เก่งมาก ดูแลทุกอย่าง ผมเป็นผู้ชาย ยังไม่ได้ครึ่งของพี่สาวเลย ซึ่งผมก็ต้องสู้ต่อไป
นอกจากนี้ ตามกระแสข่าวบางที นำเสนอว่า เป็นเรื่องชู้สาว ตนก็เสียใจที่นำเสนอแบบนั้น เพราะยังไม่ทราบข้อเท็จจริง พี่สาวตนยังโสด ยังไม่ได้แต่งงาน ไม่มีครอบครัว และพี่สาวตนก็เป็นคนถูกกระทำ
ด้าน นางสาวประภัสสร ชูทอง ตัวแทนชาวบ้าน ที่ผู้ตายเข้าไปสร้างบ้านให้ เผยว่า ผู้ตายเป็นเด็กติดดิน ไม่ถือตัว นอบน้อม ซึ่งหาคนแบบนี้ไม่ได้อีกแล้ว ที่อยากจะเข้ามาช่วยผู้ด้อยโอกาสด้วยใจ ส่วนชาวบ้านก็ไม่คิดว่า นายโก้ จะโหดเหี้ยมขนาดนี้ ซึ่งตอนนี้ชาวบ้านก็ฝากความหวังไว้ที่ครอบครัวให้สานโครงการต่อให้จบ เพราะบ้านสองชั้น ราคา 375,000 บาท ราคานี้หาที่ไหนไม่ได้แล้ว
อย่างไรก็ตาม ทางครอบครัวยืนยัน จะสานฝันทำงานนี้ของชาวบ้านให้จบ เพราะพี่สาว รักงานนี้มาก
นายพิพัฒน์ กล่าวทิ้งท้าย ถึงพี่สาวว่า ขอให้ไปสบาย ตนจะดูแลพ่อแม่ต่อเอง.
(ภาพและข้อมูล : รายการโหนกระแส)