การเรียน “นักธรรมและบาลีของพระเณร เปิดโอกาสให้เด็กดอย เหนือ อีสาน กลาง และใต้ได้เรียนรู้ บางท่านได้ไปอินเดีย อเมริกา ได้มีโอกาสในชีวิตที่ดี” พระมหาสมปองบอก
พระมหาสมปอง ตาลปุตฺโต วัดสร้อยทอง เขตบางซื่อ กทม. แสดงธรรมทัศนะเรื่องเส้นทางการเรียนรู้ของพระเณร ที่เปิดโอกาสให้ “ลูกชาวบ้าน” ได้ก้าวสู่โอกาสที่ดีในชีวิต
เส้นทางธรรมของพระมหาสมปอง “เป็นความบังเอิญมากๆเลย จบชั้น ป.6 ก็สอบเข้าเรียนต่อมัธยม แต่ระหว่างเดินเล่นหน้าบ้าน เจอเด็กจะไปบวชเณรภาคฤดูร้อนที่วัดถ้ำประกายเพชร อยู่ทุ่งลุยลาย จังหวัดชัยภูมิ วัดนี้โยมแม่ไปปฏิบัติธรรมอยู่บ่อยๆ พอไปถึงโยมถามว่าใครจะบวชเณรมาทางนี้ เราก็เดินเข้าไปเลย วันนั้นอาตมาแค่จะมาเที่ยวถ้ำ ไม่มีพ่อแม่ไปด้วย เลยยืมพ่อแม่คนข้างๆ บวชได้ 15 วัน มีกิจกรรมโต้วาทีและอะไรต่างๆ โยมบอกว่าทำได้ดี มีแวว พอถึงเวลาก็จะสึก แต่สามเณรบุญมี กองกุลี เป็นพี่เณรไปบอกแม่ตาลว่า แม่ตาล เณรสมปองมีความสนใจดี น่าจะอยู่ต่อ ถึงวันนี้อาตมาก็มองหน้าแม่ถามว่าเอาไงดี แม่บอกลองสักปี แต่ปัจจุบันผ่านมา 26 พรรษาแล้ว”
...
พอบวชเจ้าอาวาสก็แสดงน้ำใจว่า จะพาไปเที่ยวเชียงใหม่ แต่ก็ไม่เห็นพาไปสักที จนวันหนึ่งบอกว่าเชียงใหม่ไกลไป ไปขอนแก่นดีกว่า ท่านพาไปขออยู่วัดธาตุเมืองเก่า แต่พระที่เข้าไปหาไม่อยู่ เลยพาไปอยู่วัดตาลเรียง อยู่ในอำเภอเมือง ไปถึงก็ฉันเพลกับเขาเลย วัดนั้นมีพระเณรกว่า 100 รูป”
เริ่มเรียนบาลีที่วัดตาลเรียง “เบื้องต้นเหงา เราเป็นคนติดแม่ เป็นลูกคนเล็ก คิดถึงแม่มาก ต้องนอนดึก ตื่นเช้าบิณฑบาต เข้าเรียนบาลี บ่ายเรียนนักธรรม ค่ำทำวัตรเย็น เสร็จแล้วต้องไปไล่หลักสูตรและแปลหนังสืออีก ใครไม่ทำ ขี้เกียจก็ถูกทำโทษ ต้องไปรื้อส้วม”
เรียนบาลี “ยากมาก อาตมาเรียนชั้น ป.1 ถึง ป.6 สอบได้ที่หนึ่งมาตลอด แต่พอมาเรียนบาลีต้องจำและแปลมันยาก การตรวจคะแนนวิชาบาลีเขาหักคะแนนเสีย หลักการให้คะแนนคือ ให้ ให้ และให้ ต้องได้สองให้ในสามจึงถือว่าผ่าน ถ้าแปลผิดก็หักคะแนน ทุกครั้งที่ให้ข้อสอบบาลีมา 1 หน้า ต้องแปลราว 8 หน้า โอกาสผิดมีมาก”
เวลานั้น “อาตมาแปลหนังสือจนน้ำตาไหล ไม่ใช่ร้องไห้นะโยม มันทั้งแสบตาและคิดถึงบ้าน พอผลสอบออกมาปรากฏว่าตก เรียนหนักขนาดนั้นยังตกประโยค 1 และ 2 คนสอบตกสมัยนั้นไม่มีการสอบซ่อม ต้องตกทั้งปี เพื่อนๆหวังดีมาถามอีก สมปองก็เรียนดีทำไมตก แหม...อาตมาเดินไปหลังวัดตาลเรียงเห็นควายมันมองหน้าอาตมาอีก นั่งคิดจะกลับไปเรียนมัธยมก็ไม่ทันเพื่อนแล้ว” ในที่สุดก็ตัดสินใจ “ลาพ่อแม่เข้าไปวัดสร้อยทอง”
ยุคนั้นเป็นยุคขอเข้า “เจ้าอาวาสเป็นน้องชายย่า อาตมาไปอยู่หลายวันแล้วไม่มีใครพาเข้าไปหา ตัดสินใจเข้าไปเคาะประตูเอง นั่งคุกเข่าแบบหนังจีนเลย ท่านไล่ตลอด บอกว่าไม่มีห้องหรอกมันเต็ม ผ่านไปครึ่งชั่วโมงท่านค่อยถามว่ามาพักอยู่กับใคร อาตมาบอกว่ามาพักกับพี่หมายครับ ท่านถามว่าเป็นอะไรกัน บอกว่าเป็นน้องชายท่านครับ ท่านบอกอ้าว...งั้นมึงก็เป็นหลานกู เออรับๆ โธ่ น่าจะถามตั้งแต่แรก...แต่ไม่ใช่รับเลยนะ ท่านไล่บาลีอีก แค่พูดผิดนิดเดียวท่านรู้เลย แล้วยังบอกว่า มึงก็เก่งสอบตกได้ไง”
พระมหาสมปองบอกว่า หลังได้อยู่วัดสร้อยทองแล้ว “ตอนนั้นเรียนน้อย เรียนไม่หนัก หลักสูตรไม่เคร่ง สอบได้นักธรรมโทกับประโยค 1 และ 2 นักธรรมเอกกับประโยค 3 จนถึงประโยค 7 ไม่ตกเลย อายุแค่ 19 ปีเอง นับว่าเป็นดาวรุ่งสุดๆ ตอนนั้นนาคหลวงเขาให้อายุถึง 22 ปี เราสามารถสอบตกได้ถึง 3 ครั้ง ทีนี้พอประโยค 8 ต้องแต่งฉันท์ อาตมาเป็นคนไม่ชอบแต่งกลอน เริ่มไม่ขึ้นเรียน ตามกฎวัดสร้อยทอง ถ้าเปรียญธรรม 6 ประโยคขึ้นไป คุณไม่มีสิทธิ์โดนไล่ออกจากวัด ถ้าต่ำกว่าประโยค 6 เรียนตกได้สองปี ถ้าไม่ผ่านก็จะโดนไล่ออก”
พระมหาสมปองบอกว่า ประโยค 7 เป็นเสมือนสุสานของพระเณร เนื่องจากประโยค 8 ไม่มีฟลุก ให้ลองดูพระเณรที่เรียนบาลีเก่าๆ ถ้าไม่ถึงเปรียญธรรม 9 ประโยค มักได้แค่ประโยค 7 เพราะประโยค 8 ถือว่าหินมาก “อาตมาเลยเฉไปเรียนปริญญาตรีทางมหาจุฬาฯ เพราะพอสอบตกก็ขี้เกียจ เริ่มไม่ขึ้นเรียน ขี้เกียจท่อง เลยไปเรียนปริญญาตรี”
ดังนั้น “สาเหตุที่อาตมาไม่จบเปรียญธรรม 9 ประโยค ก็เพราะสอบประโยค 8 ไม่ผ่าน”
เส้นทางสู่นักเทศน์ พระมหาสมปองบอกว่า ฉายแววมาตั้งแต่อยู่วัดตาลเรียง จังหวัดขอนแก่น เห็นพระเณรออกไปเทศน์ก็อยากไปเที่ยวกับเขา แต่พอถึงงานปรากฏว่า ท่านพระอาจารย์สมควรบอกว่า เณรสมปองเทศน์ก่อนเพื่อนเลยนะ อาตมาถามว่าเทศน์อะไรครับ อ้าว ก็เทศน์ให้โยมฟังน่ะซี อาตมาบอกว่าอาตมามาเที่ยว ท่านก็บอกว่ามาแล้วก็เทศน์สิ เลยเลียนแบบพระอาจารย์พยอม เทศน์เรื่องศีล 5
ตอนนั้นปี พ.ศ.2534 อายุราว 12 ปี “พอถึงศีลข้อ 5 อาตมาถามว่า ใครสูบบุหรี่บ้างยกมือขึ้น เลียนเสียงพระอาจารย์พยอมเลย แล้วบอกว่าเลิกบุหรี่ไม่ยาก แค่อ้าปากบุหรี่ก็ร่วงแล้ว โง่จริงๆ โยมฮากันใหญ่ แต่อาตมางานเข้าแล้วสิ มองไปข้างหลังพระเณรสูบบุหรี่อยู่ สำลักควันไปตามๆกัน จริงๆ อาตมาก็เผลอมองแต่โยม ลืมมองด้านหลัง”
งานนั้น “มีโยมชมแบบออกหน้าออกตา ความรู้สึกตอนนั้นมันพองมากเลย กลับไปวัดก็มีฝึกเทศน์ ขึ้นธรรมาสน์ แต่อาตมาเห็นว่าขั้นตอนมันเยอะ เราไม่อยากเป็นอย่างนั้น อยากนั่งเหมือนหลวงพ่อพุทธทาส ยืนเหมือนท่านปัญญานันทะ สนุกสนานเหมือนหลวงพ่อพยอม ท่านเป็นไอดอลเลย ช่วงนั้นแม้จะชอบแต่ยังไม่ได้เป็นนักเทศน์ เพราะมาเรียนบาลี มีฝึกเทศน์บ้างก็นิดหน่อย และมีอาจารย์มาสอน”
จนมาเรียนมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เรียนอยู่ราวๆปี 3 ถึงได้ออกเป็นนักเทศน์ เรื่องมีอยู่ว่า ขณะที่เรียนอยู่ปี 1 มี “พระพุทธบุตร” มาอบรมพระเณรฟังแล้วสนุกสนานมาก แต่ละท่านมีมุกแพรวพราว อย่างช่วงนั้น มีการรณรงค์เลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. มีคำขวัญว่า ขยะในมือท่านลงถังเถอะครับ ท่านก็ประยุกต์มาเป็น ความชั่วในใจท่านลงถังเถอะครับ จนกระทั่งเรียนปี 3 ให้พระพานั่งเรือล่องคลองแสนแสบไปวัดศรีบุญเรือง ขอทำงานกับค่ายพุทธบุตร ท่านจัดเหมือนคอนวอยเลย เราก็ไปช่วยจัดของก่อน ส่วนมากได้สอนตามฐานต่างๆ อาตมาทำอยู่ราว 4-5 เดือนได้เล่นมุก ศึกษาเทคนิคต่างๆ พอผ่านไป 1 ปี ก็เริ่มได้ทำงานมากขึ้น”
แรกๆ “ถ้าผู้เข้าอบรมน้อยเราก็ไม่ได้ไป เพราะมีวิทยากรอยู่แล้ว เรียกว่ายังไม่ติดอันดับ ถ้ามีคนเข้าอบรมมากๆ เขาถึงได้ไป ก็ต้องรอโอกาส ค่อยๆเลื่อนมาเรื่อย จนกระทั่งเป็นหนึ่งในห้า หนึ่งในสาม ต่อมาก็ไปขอวัดประยุรฯ (วัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร) ขอทำงานด้วย โทร.ไปขออาจารย์วิชาญ เมื่อได้เข้าไปฝึกฝน พัฒนา คราวนี้ก็คล่องเลย แต่พอวิทยากรมากขึ้นก็โดนวิทยากรเบียด เลยคิดอยากทำงานเอง วันนั้นอยู่ศาลา 5 ชั้น วัดไร่ขิง อาตมาลงมาชั้นล่างพิมพ์หนังสือส่งไปตามสถานที่ต่างๆราว 1,000 แห่ง เพื่อออกไปแสดงธรรม ปรากฏว่าเขาตอบรับมา 5 แห่ง อุตส่าห์แยกมาทำงานนึกว่างานจะเยอะ แต่ก็ทำไปเรื่อยๆ”
จุดเปลี่ยนคือ “เขามีสัปดาห์อาสาฬหบูชา อาตมาไปตั้งบูธที่สนามหลวง ตัดต่อซีดีหลวงพ่อพระพยอมที่ท่านเทศน์ไว้ เอาไปฉายคนมามุงดู พอดี นศ.หอการค้าชื่อคุณตูนมาขอสัมภาษณ์ แล้วไปเสนอเจ้านายที่แกรมมี่ อาตมาก็ดีใจบอกกับเจ้าของงานที่จะไปเทศน์ว่า แกรมมี่จะมาถ่ายทำ ปรากฏว่าไม่มา เลยหน้าแตกไป แต่หลังจากนั้นก็ติดต่อมาและมาถ่ายทำจริง อาตมาก็ปล่อยมุก ท่านบอกประทับใจมาก บอกว่าจะให้ออกรายการอีกรอบ” แต่กลับเป็นว่าให้อัดรายการให้ ระหว่างนั่งแท็กซี่ก็ได้ชื่อ “ธรรมะเดลิเวอรี่” จนกลายเป็นแบรนด์เนมไป ต่อมามีการลิงก์เข้ากับช่อง 5 รายการเจาะใจ ทำให้เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย “พอบอกว่าจะออกเจาะใจ อาตมารู้เลยว่าเกิดแล้ว” หลังออกรายการเจาะใจ วันต่อมามีคนโทร.มา 300 สาย เลขานอนแผ่เลยครับ”
เส้นทางนักเทศน์ของพระมหาสมปอง เดินมาสายการเรียนแบบชาวบ้านที่เรียกว่า “บวชเรียน” คือบวชเณรเพื่อเรียนหนังสือ เพราะเป็นช่องทางหนึ่งลูกชาวบ้านจะได้เรียนหนังสือ และมีโอกาสมีชีวิตเหมือนคนที่เกิดมามีฐานะดี
“อาตมาเป็นเด็กยากจน เพราะการเรียนสายพระเณร ทำให้ได้เรียนต่อในมหาวิทยาลัย ช่องทางนี้ถือว่าเป็นโอกาสของคนจน คนรากหญ้า ที่ได้พัฒนาตนเองเท่าคนในเมือง”.