ชมพู่น้ำดอกไม้ชนิดนี้ เป็นสายพันธุ์โบราณที่เกิดจากการนำเอาเมล็ดของชมพู่น้ำดอกไม้พันธุ์ดั้งเดิมจำนวนหนึ่งไปเพาะเป็นต้นกล้าแล้วเอาต้นไปปลูกเลี้ยงจนต้นโตมีดอกและติดผลดกเป็นธรรมชาติ แต่ผลยังมีขนาดเล็กอยู่จึงได้มีการพัฒนาพันธุ์อย่างต่อเนื่อง ทำให้มีผลขนาดใหญ่ขึ้น และที่สำคัญปรากฏว่าสามารถมีดอกติดผลได้เกือบทั้งปี หรืออย่างน้อยปีละ 2 ครั้งเป็นอย่างต่ำ ผู้พัฒนาพันธุ์จึงตั้งชื่อว่า “ชมพู่น้ำดอกไม้แดงแพรวา” ดังกล่าว พร้อมขยายพันธุ์ตอนกิ่งออกวางขายได้รับความนิยมจากผู้ซื้อไปปลูกอย่างแพร่หลายเรื่อยมาจนกระทั่งปัจจุบัน เมื่อทราบว่ามีกิ่งตอนรุ่นใหม่วางขายเลยรีบแจ้งให้ผู้ที่ชื่นชอบปลูกไม้ผลกินได้ทราบอีกทันที
ชมพู่น้ำดอกไม้แดงแพรวา มีชื่อวิทยาศาสตร์และมีลักษณะทางพฤกษศาสตร์เหมือนกับต้นชมพู่น้ำดอกไม้ทั่วไปเกือบทุกอย่างคือ เป็นไม้ยืนต้นสูง 5-10 เมตร แต่ต้นของ “ชมพู่น้ำดอกไม้แดงแพรวา” จะเป็นทรงพุ่มและต้นสูงไม่เกิน 2–3 เมตรเท่านั้น ใบเดี่ยวออกเรียงสลับ และใบมีขนาดใหญ่เป็นรูปรีแกมรูปขอบขนาน ปลายแหลมโคนมน สีเขียวสด ใบดกและหนาแน่นมาก ดอก ออกตามซอกใบและตามกิ่งก้าน “ผล” รูปกลมแป้น ผลมีขนาดใหญ่กว่าผลของชมพู่น้ำดอกไม้ทั่วไปอย่างชัดเจน เวลาติดผลจะเป็นพวง 3–5 ผลต่อพวง ผลอ่อนเป็นสีเขียว เมื่อผลสุกจะเป็นสีแดงสวยงามน่าชมยิ่งนัก เนื้อผลหนา เมล็ดเล็ก รสชาติของเนื้อสุกจะหวานกรอบ มีกลิ่นหอมเฉพาะตัวเป็นเอกลักษณ์ แตกต่างจากเนื้อผลของชมพู่น้ำดอกไม้ดั้งเดิม รับประทานอร่อยมาก มีดอกและติดผลดกโดยธรรมชาติของสายพันธุ์เกือบทั้งปี หรืออย่างน้อยปีละ 2 ครั้งตามที่ระบุข้างต้น ขยายพันธุ์ทั่วไปด้วยเมล็ด ตอนกิ่ง ทาบกิ่ง เสียบยอด และติดตา ปลูกได้ในดินทุกพื้นที่ของประเทศไทย ถ้าปลูกเก็บผลขายปัจจุบันราคากิโลกรัมประมาณ 200 บาท ถือว่าราคาดีมาก
...
มีกิ่งตอนแท้ขายแห่งเดียวคือ ติดต่อ “คุณประภาส สุภาผล” 33/4 หมู่ 7 ต.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี โทร. 08–8533–2299 หรือไปซื้อที่งานไทยแลนด์ เบส ช็อปปิ้ง แฟร์ เมืองทองธานี ฮอลล์ 5 บูธ “สวนประภาสไม้ผล” วันที่ 9-17 มิ.ย.61 ราคาสอบถามกันเองครับ.
“นายเกษตร”