แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านมะเร็ง อธิบายเป็นข้อๆ ทำไม ยาหมอแสงถึงไม่มีฤทธิ์ฆ่ามะเร็ง ระบุขั้นตอนการรักษามะเร็งทันสมัยมากขึ้น ยาก็ถูกลง แนะจะรักษาอะไรควรศึกษาให้ดี
เฟซบุ๊ก Ae Aumkhae หรือ ผศ.พญ.เอื้อมแข สุขประเสริฐ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านมะเร็งวิทยา โรงพยาบาลศรีนครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น โพสต์ภาพและข้อความระบุว่า ข่าวใหญ่ของวันสองวันนี้ในแง่ของสุขภาพ น่าจะเป็นเรื่องที่กระทรวงสาธารณสุขออกมาแถลงว่ายาของนายแสงชัย ไม่มีฤทธิ์ในการฆ่าเซลล์มะเร็งเมื่อนำไปศึกษาในหลอดทดลอง
งานนี้ขอปรบมือดังๆ ให้ผลงานชิ้นโบแดงของกระทรวงที่กล้าออกมาพูดความจริง ไม่โน้มเอียงไปกับกระแสความเชื่อของสังคมไทย เอื้อมแขก็เลยอยากจะพูดถึงเรื่องการศึกษาทดลองยาสำหรับรักษาโรคมะเร็งที่ได้รับอนุมัติให้ใช้ในปัจจุบันสักเล็กน้อย สำหรับยาเคมีบำบัด ก่อนจะเอามาใช้ เขาจะต้องมีการวิจัยเป็นขั้นตอนดังนี้..
1. ขั้นตอนแรกคือทำในหลอดทดลอง โดยสกัดเอาตัวยาออกมาจากวัตถุดิบ ทำความเข้มข้นต่างๆ กันจากน้อยถึงมาก แล้วนำไปหยอดใส่ในเซลล์มะเร็งที่เพาะเลี้ยงไว้ แล้วดูว่าเซลล์ตายหรือไม่ ถ้าเซลล์ตายแสดงว่ามีสารออกฤทธิ์จริง แล้วจึงจะนำไปศึกษาขั้นถัดไป
2. ขั้นตอนที่สอง ทำการศึกษาในหนู โดยทำให้หนูเป็นมะเร็ง แล้วนำสารที่ออกฤทธิ์ไปฉีดใส่ในตัวหนู ถ้าก้อนยุบถือว่ามีสัญญาณที่ดีว่าเราน่าจะพบยาที่สามารถออกฤทธิ์ยับยั้งมะเร็งชนิดนั้นๆ ได้ แต่แค่นี้ก็ยังไม่สามารถนำมาใช้ในคนได้ ยังต้องมีการศึกษาในคนต่อไป
3. เป็นการศึกษาในคน ซึ่งต้องมีระยะต่างๆ ดังนี้
- Phase 1 เป็นการศึกษาเพื่อหาขนาดยาที่เหมาะสมที่จะใช้ในคน เพื่อไม่ให้มีผลข้างเคียงที่รุนแรงเกินไป
...
- Phase 2 นำขนาดยาที่เหมาะสม มาทำการทดลองให้ในคนเป็นมะเร็งชนิดที่เราสนใจศึกษา แต่ต้องเป็นคนที่ดื้อต่อการรักษามาตรฐาน แล้วดูว่ามีอัตราของคนไข้ที่ตอบสนองต่อยาตัวนี้เพียงพอหรือไม่ที่จะบอกว่ามีประโยชน์ ถ้าผ่านขั้นตอนนี้ได้ จะไปถึงขั้นตอนสุดท้ายที่สำคัญที่สุด
- Phase 3 คือการศึกษาในคนไข้มะเร็งจริง โดยถ้าเป็นยาใหม่ ส่วนใหญ่จะต้องนำมาศึกษาในคนไข้ที่ดื้อต่อการรักษาแบบมาตรฐานแล้ว และต้องมีกลุ่มเปรียบเทียบคือรักษาประคับประคอง
ถ้ายามีผลจริง คนไข้กลุ่มที่ได้ยาจะต้องมีชีวิตยืนยาวกว่ากลุ่มที่ไม่ได้ จากนั้นจึงจะไปขึ้นทะเบียนในข้อบ่งชี้นั้นๆ ได้ แล้วจึงจะขยับขึ้นไปเปรียบเทียบกับยามาตรฐานเพื่อเขยิบข้อบ่งชี้ขึ้นไปเป็นการรักษาลำดับแรก
ทั้งนี้ เห็นกันชัดๆ ว่ายาสมุนไพรของนายแสงชัย ตกคุณสมบัติตั้งแต่ขั้นตอนแรกแล้ว คือไม่มีฤทธิ์ฆ่าเซลล์มะเร็ง ดังนั้นถ้าตามขั้นตอน เขาก็เลิกที่จะเอามาศึกษาอะไรต่อไป เนื่องจากไม่มีคุณสมบัติในการรักษาโรค จริงๆ ถ้าผ่านขั้นตอนนี้ก็ยังมีขั้นตอนในการพิสูจน์อีกเยอะ ไม่ใช่อยู่ดีๆ ก็เอามาแจก ปริมาณที่เหมาะสมที่ควรจะกินเท่าไหร่ก็ไม่เคยมีการศึกษา ผลข้างเคียงมีอะไรบ้างก็ไม่ทราบ
ในฐานะหมอมะเร็ง อยากขอให้เพื่อนๆ ช่วยอ่านกันให้มากๆ ช่วยกันแชร์ให้ด้วย ไม่อยากให้คนไทยตกอยู่ใต้วังวนของการเชื่อโดยไม่มีหลักฐานพิสูจน์ คนไข้โรคมะเร็งที่ไปรักษาแพทย์ทางเลือก จำนวนไม่น้อยที่จริงๆ เป็นระยะเริ่มต้น ซึ่งควรที่จะหายถ้าได้รับการรักษาแผนปัจจุบัน แค่เขากลับต้องกลายเป็นระยะแพร่กระจายเพราะไปเสียเวลากับสมุนไพรอะไรที่ไม่ได้ผล
นอกจากนั้น บางคนยังมีผลข้างเคียง ตับวาย ไตวายกันมาก็มาก การรักษาแนวทางนี้เน้นการโฆษณาชวนเชื่อ ให้คนไข้ที่แข็งแรงมาพูดออกสื่อ ซึ่งจริงๆ แล้วกลุ่มคนที่แข็งแรงเหล่านี้ บางคนก็เพราะได้รับการรักษามะเร็งระยะเริ่มต้นโดยวิธีปัจจุบันมาแล้ว
ขณะเดียวกัน ยังอยู่ในระยะปลอดโรคอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องกินยาอะไรอื่นก็สบายดีได้ บางคนรักษาแผนปัจจุบันและควบคุมโรคได้ด้วยวิธีแผนปัจจุบัน แต่กลับไปเชื่อว่าโรคควบคุมได้โดยยาสมุนไพร
ปัจจุบันการรักษามะเร็งทันสมัยมากขึ้น เรามีการรักษาจำเพาะ พุ่งเป้า และยาหลายรายการ คนธรรมดาก็เข้าถึงได้ เนื่องจากมีโปรแกรมช่วยเหลือ และยาราคาถูกลง ดังนั้นอยากให้คุยกับแพทย์ให้ละเอียดสักนิดถึงทางเลือกในการรักษา ซึ่งอาจจะดีกว่าที่คิด
"โปรดอย่าให้คนรู้จักตกเป็นเหยื่อของความไม่รู้ ช่วยกันเผยแพร่สิ่งที่ถูกต้อง อย่าหลงไปกับกระแสโฆษณาชวนเชื่อ ถ้าสักวันนึงเราต้องตายจากมะเร็งจริง ขอให้ตายอย่างรู้เท่าทัน ไม่ถูกหลอก แค่นั้นก็น่าจะตายตาหลับแล้ว จริงไหม".