“โค้ชเป้ง” โพสต์เฟซบุ๊ก “พี่ตูน” ฉีกทุกตำรานักวิ่ง ไม่คาดคิดจะทำได้ถึงขนาดนี้ เชื่อ เป็นเพราะคำอวยพรจากทุกคนที่เปลี่ยนเป็นพลังให้ไปถึงจุดหมาย...
โค้ชเป้ง สาธิก ธนะทักษ์ นักวิทยาศาสตร์การกีฬา ที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการวิ่งโครงการก้าวคนละก้าวเพื่อ 11 โรงพยาบาลทั่วประเทศ กับ ตูน บอดี้สแลม โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก Ez2fit ถึงการวิ่งของพี่ตูนโดยมีข้อความว่า "ฉีกทุกตำรา คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าเฮียแกจะดีดได้ขนาดนี้"
หมอเมย์ ตอบหลังจากที่ผมถามว่าเพราะอะไร พี่ตูน บอดี้สแลม ถึงได้ดูสดชื่น และวิ่งได้เร็วขนาดนี้ (มีหมดทั้งเพซ 6, 5, 4 และบางช่วงเร่งไป 3 ปลายๆ โดยตามแผนกำหนดให้วิ่งเพซ 7) ทั้งๆ ที่ผ่านการวิ่งมาแล้วเกือบสองพันกิโลเมตร ผมเองโชคดีที่ได้อยู่เห็นตั้งแต่ช่วงซ้อม ตอนนั้นพี่ตูนต้องเร่งเคลียร์งานเพื่อจะหยุดยาว จะกินจะนอนปกติยังลำบากเลย ไม่ต้องพูดถึงการซ้อม คำแรกที่ผมคุยกะเฮียคือ "ไม่ต้องเร่งซ้อมนะ เวลาเตรียมตัวแค่นี้ ร่างกายไม่ฟิตขึ้นแล้ว รักษาตัวไม่ให้เจ็บก็พอ ค่อยไปเริ่มกันวันจริงนะครับ" โดยทีมงานทุกคนต้องช่วยกันวางแผนเพื่อเพิ่มโอกาสที่จะวิ่งให้ถึง เพราะตารางการวิ่งทุกอย่างพี่ตูนกำหนดมาเอง ซึ่งในวันแรกที่รู้ว่าจะต้องวิ่ง 2,191 กิโลเมตรใน 55 วัน ต่างก็ต้องพากันร้อง "เชรี่ยยยยย"
...
แถมพอเริ่มโครงการ เฮียเราทำทุกอย่างที่ทำให้ตัวเองลำบาก ลดโอกาสที่จะถึง ทั้งแวะทุกจุด ถ่ายรูป เซ็นกีตาร์ อุ้มเด็ก กราบคนแก่ เล่นคอนเสิร์ต ไม่ให้ทีมงานกันคน ฯลฯ ตารางที่วางไว้ว่าต้องมีการพักในแต่ละเซต มีการพบนักกายภาพบำบัดฟื้นฟูร่างกาย มีการนอนกลางวัน ปรากฏว่าไม่ได้ทำสักอย่าง คนทั่วไปที่ไม่เคยวิ่ง นึกภาพแค่ต้องไปยืนริมถนนวันละเป็นสิบชั่วโมง แถมได้นอนวันละ 3 ชั่วโมง ไม่ต้องเป็นเดือน ผมว่าไม่เกินอาทิตย์ก็ป่วยกันหมด นักวิ่งรอบตัวพี่ตูน เป็นนักกีฬาอาชีพ ยังมีพัง บางเซตวิ่งไม่ได้ต้องพัก แต่โชคดีที่พี่ตูน และพี่ป๊อก มีหมอเมย์ และทีมช่วยดูแลให้เป็นพิเศษ เลยประคองมาถึงทุกวันนี้ได้
แต่การที่ทุกวันนี้ยังวิ่งดีดได้ขนาดนี้ มันไม่ใช่การออมแรงครึ่งแรกเพื่อมาเร่งครึ่งหลังแบบการวิ่งมาราธอน เพราะเฮียเราใส่สุดชีวิตแต่วันแรก วิ่งจริงเจ็บจริง จะพังกันตั้งแต่ก่อนถึงประจวบด้วยซ้ำ หมอต้องสั่งพักก็มี ทรุดไปเองก็บ่อย แถมช่วงจะเข้ากรุง กลัวรถติด กลัวชาวบ้านเดือดร้อน เร่งสองวัน 140 กิโลเมตรเลยจ้า คนปกติวิ่งมาราธอนเดียว 42 กิโลเมตร หมอยังแนะนำให้พักไปเป็นอาทิตย์ นี่เพิ่งเร่งมาสุดชีวิต แล้วครึ่งหลังไม่ได้เจอแค่เนิน แค่สะพาน แบบที่นักวิ่งกลัวนะครับ เจอภูเขาไปตลอดทางเลยทีเดียว
แล้วอะไรทำให้พี่ตูนยังวิ่งได้ขนาดนี้ "เฮียแกคงมั่นใจว่าทำได้ เหมือนเราเวลาใกล้ถึงเส้นชัยมั้งคะ" น้องก้อยออกความเห็นบ้าง
"มันจะฮึดได้ตั้งแต่ครึ่งทางเลยหรือครับ เหมือนเรารู้ว่ามีกล้องอาจจะยิ้มจะเร่งได้ขึ้นมาหน่อย แต่ถ้าเหนื่อยจริง สุดท้ายก็เก๊กไม่ไหว นี่ก็มี live ตลอด เฮียยังยิ้มได้ทั้งวัน" ผมสงสัย
"แล้วโค้ช คิดว่าเพราะอะไรคะ" น้องก้อยถาม
"เฮียแกได้รับพรเยอะมั้ง มีแต่คนอวยพร สวดมนต์ให้ เชียร์ ให้กำลังใจ แกมีความสามารถพิเศษเปลี่ยนเป็นพลังได้ ^^" นักวิทยาศาสตร์การกีฬาอย่างผมตอนนี้ก็ตอบได้แค่นี้ ใครมีคำตอบอื่นก็ช่วยแชร์กันหน่อยว่าเพราะอะไร พี่ตูนถึงได้มีพลังขนาดนี้.
(ขอบคุณภาพและเรื่องราวจากเฟซบุ๊ก Ez2fit)