สุพัฒชา ศรีสุวรรณ หรือ แม่นุ่น และ วิทวัส โลหะมาศ หรือ พ่อตุลย์ หลายคนน่าจะคุ้นเคยเป็นอย่างดี ซึ่ง พ่อตุลย์ ได้เปิดแฟนเพจเฟซบุ๊ก แม่นุ่น เล่าเรื่องราวการป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายของแม่นุ่น มาตั้งแต่ปี 2556
ทั้งนี้ พ่อตุลย์ เคยให้สัมภาษณ์กับ ไทยรัฐออนไลน์ ว่า เหตุการณ์ที่พลิกชีวิตของครอบครัวนี้ เมื่อวันที่ 30 มี.ค. 56 หลังจากเดินทางไปเที่ยวเกาะเสม็ด แม่นุ่นรู้สึกปวดท้องมาก จนกลับมาตรวจที่โรงพยาบาลจึงรู้ว่าตับโต ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคร้าย พอตรวจไปเรื่อยๆ แพทย์จึงสรุปว่าแม่นุ่นป่วยเป็นมะเร็งแพร่กระจายระยะที่ 4 หรือ ระยะสุดท้าย โดยเริ่มจากมะเร็งเต้านม ลามไปทั่วทั้งตับ กระดูกสันหลัง ต่อมน้ำเหลืองกว่า 10 ต่อมทั่วร่างกาย และล่าสุดที่สมอง
"เหมือนใครมาปิดไฟให้โลกมืดไปเลยครับ ทำอะไรไม่ถูก ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก แต่ไม่เคยรู้สึกท้อนะ มีแต่ความเสียใจมากกว่าที่ทำร้ายเรามากที่สุด ยิ่งผมมองเห็นลูกอีก 2 คนที่ต้องดูแล ไหนจะคุณนุ่นอีก เราท้อไม่ได้ มีแต่ต้องเดินหน้าต่อไป"
อย่างไรก็ตาม การต่อสู้โรคของแม่นุ่น ถือเป็นครูให้กับใครหลายคนที่ป่วยเป็นมะเร็ง หรือมีญาติที่ป่วยเป็นมะเร็ง หากเทียบแล้ว พ่อตุลย์ ก็นับได้ว่าเป็นนักเรียน นักศึกษาที่น่ายกย่อง เพราะไม่ยอมแพ้ และมีกำลังใจต่อสู้กับการป่วยของแม่นุ่น เห็นได้จากการค้นคว้าหาข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับโรคมะเร็ง รวมถึงการบินไปต่างประเทศเพื่อพาแม่นุ่นไปรักษาตัว
...
ตลอดระยะเวลา 5 ปี ในการรักษาแม่นุ่นนั้น ชีวิตของคนทั้งคู่มีอุปสรรคเข้ามาทดสอบอยู่เสมอ แต่ก็ยังมีความโชคดีเข้ามาเติมกำลังใจให้ทั้งคู่อยู่บ้าง เช่น พ่อตุลย์ ถูกจ้างให้ออกจากงาน ในขณะเดียวกัน อาจารย์หมอ และโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ได้ยื่นมือเข้าช่วยเหลือ และมีแฟนเพจหลายคนนำของมาร่วมประมูลเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการรักษาแม่นุ่น
สำหรับการเข้ารักษาตัวครั้งล่าสุดของแม่นุ่น คือวันที่ 9 ก.ย. 60 เนื่องจากมีก้อนใหญ่ 3 ก้อน ก้อนแรกด้านบนซ้าย (left high parietal) ขนาดเกือบ 4 ซม. ก้อนที่สอง อยู่ท้ายทอยด้านขวา (right occipital) เป็นจุดที่เป็นปัญหา ทำให้ตาครึ่งซีกซ้ายของทั้งสองลูกตามองไม่เห็น ก้อนนี้ก็ใหญ่ราว 3 ซม. และก้อนที่สาม ขนาดเกือบ 3 ซม. อยู่ที่ตรงกลางของสมองน้อย ในจุดที่เรียกว่า cerebellar vermis จุดนี้ทำให้เขาเดินเซ และเป็นตำแหน่งอันตราย เพราะอยู่ใกล้ก้านสมองไม่ถึง 1 ซม.
ส่วนที่เหลือที่กระจัดกระจายอยู่ 7 ตำแหน่ง ขนาด 1-2 ซม. ไม่เห็นขอบชัดเจนเท่าไร ผลรายงานจากการอ่านของหมอ สรุปได้ว่า ก้อนส่วนใหญ่มีขนาดเล็กลง ความบวมลดลง บางก้อนขนาดคงที่ ไม่มีจุดใหม่ และไม่มีการลามไปที่เยื่อหุ้มสมองและไขสันหลัง
โดยหลังจากผ่าตัดผ่านไป 21 วัน พ่อตุลย์โพสต์ว่า วันนี้น่าจะเป็นวันที่รู้สึกไม่สบายใจที่สุด ถึงเกล็ดเลือดจะดีขึ้น ท้องโตจะลดลง แต่ก็นอนทั้งวัน ไม่หิว ไม่กิน สับสน ไม่สนใจแม้แต่ลูกจะเรียกอยู่ข้างๆ มันแย่ตรงที่ไม่รู้ว่าเค้าสบายดีอยู่มั้ย ไม่รู้ว่าเจ็บปวดตรงไหนหรือเปล่า มันยากที่จะรับมือกับความรู้สึกนี้ แต่ก็หวังนะว่าเธอจะกลับมาดีขึ้นในไม่ช้า
และล่าสุด พ่อตุลย์ โพสต์ว่า เมื่อคืนยังรู้สึกตัวอยู่เลย เช้านี้ปลุกไม่ตื่นต้องสแกนด่วนที่สุด #ไม่ใช่แค่ผมและแม่นุ่นที่ต้องการกำลังใจ #คุณหมอคุณพยาบาลและเจ้าหน้าที่ โรงพยาบาลพญาไท 1 ทุกคนก็ต้องการกำลังใจเหมือนกัน #ขอกำลังใจให้พวกเราด้วยครับ
อย่างไรก็ตาม ทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์ ขอเป็น 1 กำลังใจให้กับ แม่นุ่น และ พ่อตุลย์ ในการฝ่าฟันอุปสรรค และบททดสอบนี้ไปให้ได้