ขอความสุขสวัสดีจงมีแด่ทุกๆ ท่าน พบกันอีกเหมือนเดิมกับพระมหาสมปอง ธรรมะเดลิเวอรี่ ส่งถึงที่ซึ้งถึงใจ

ก่อนอื่นต้องถามโยมก่อนว่า ธรรมะเป็นเรื่องยากไหม ธรรมะเป็นเรื่องไกลตัวไหม หลายคนบอกว่า ยาก....มั๊ก..มาก และไกลตัวมากด้วย แต่บางคนที่ศึกษาธรรมะอยู่บ้างก็จะบอกว่า ก็ไม่ไกลเท่าไร ถ้ามุมมองของพระก็จะบอกว่า ธรรมะนั้นเป็นเรื่องง่าย และใกล้ตัวเรานิดเดียว 

ก็อย่างว่านะโยม อยู่ที่ประสบการณ์ของแต่ละคนที่มีต่อธรรมะ คนที่ไม่สนใจธรรมะเลยก็จะบอกว่า ธรรมะเป็นเรื่องยาก คนที่เข้าวัดบ่อยก็จะบอกว่า ธรรมะก็อยู่ในการใช้ชีวิตของเรานี่แหละ 

ความเป็นจริงนะโยม ธรรมะมันก็อยู่ในทุกที่ ไม่จำเป็นต้องอยู่ในวัด เพราะธรรมะคือธรรมชาติ เพียงเราเรียนรู้ และรู้เท่าทันธรรมชาติที่เกิดขึ้น เราก็เข้าใจธรรมะแล้ว เอาง่ายๆ เช่น เราเห็นคนตาย เราไปงานศพพ่อของเพื่อน ถ้าเราเข้าใจธรรมชาติ เราก็จะมองว่า ความตายเป็นของทุกคน วันนี้พ่อเพื่อนตาย วันข้างหน้าพ่อเราก็ต้องตายเหมือนกัน แล้วเราจะเตรียมตัวอย่างไรที่จะรับมือกับความพลัดพรากนั้น อาทิตย์ต่อมา เราไปงานศพลูกของเพื่อน อายุแค่ 3 ขวบแต่ต้องมาตายก่อนวัยอันควร ทำให้เราเห็นธรรมะว่า ความตายเป็นของทุกคน ไม่ใช่ว่าคนที่เกิดก่อนจะตายก่อน บางทีเด็กเล็กๆ ก็ตายไปก่อนก็มี สิ่งนี้จะทำให้เราเห็นธรรมะชัดเจนมากขึ้น 

เอาละโยม เมื่อพูดถึงเรื่องความประมาท อาตมามีนิทานเรื่องหนึ่งจะเล่าให้โยมฟัง มีค้างคาว 3 ตัว ต้องการที่จะกินเลือดเป็นอาหาร ค้างคาวหัวหน้าพูดว่า.. พวกเอ็งไปหาเลือดมาสิ 

ค้างคาวตัวที่ 1 จึงพูดว่า หัวหน้าครับ ผมอาสาไปหาเลือดมาเองครับ ค้างคาวตัวที่ 1 บินพั่บ พั่บ พั่บ หายไป 1 ชั่วโมง กลับมาเหนื่อยแฮ่..แฮ่..แฮ่.. ไม่ได้เลือดสักหยด 

ค้างคาวตัวที่ 2 พูดว่า เอ็งนี่ไม่ได้เรื่องเลย ไม่น่าเชื่อนายเลย โง่จริงๆ เลือดแค่นี้ก็หาไม่ได้ เดี๋ยวฉันจะไปหามาให้ดู ค้างคาวตัวที่ 2 พูดจบก็บินพั่บ พั่บ พั่บ หายไป 30 นาทีกลับมา แฮ่ แฮ่ แฮ่ ไม่มีเลือดสักหยดเหมือนกัน

ค้างคาวที่เป็นหัวหน้ามองลูกน้องทั้งสองด้วยความผิดหวัง แล้วพูดว่า พวกเอ็งนี่ไม่ได้เรื่องจริง ดูข้าๆ นี่ เดี่ยวจะไปหาเลือดมาให้ดู พูดแล้วค้างคาวที่เป็นหัวหน้าก็บินด้วยความเร็วสูง พั่บๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

หายไปไม่ถึงสองนาที กลับมาเลือดเต็มปากเต็มไปหมด ค้างคาวทั้ง 2 ตัว อึ้ง! แล้วพูดว่า หัวหน้าครับ หัวหน้าเก่งจังเลยครับ หัวหน้าไปเอาเลือดมาจากไหนเร็วจังครับ 

หัวหน้าท่าทางฉุนเฉียวจึงพูดว่า พวกเอ็งเห็นต้นไม้หน้าถ้ำนั้นไหม ค้างคาวลูกน้องก็ตอบพร้อมกัน เห็นๆ ครับ พวกเอ็งเห็น แต่ข้าไม่เห็น เลือดกบปากข้าเลย อูย....เจ็บ 

...

มาเข้าประเด็นกันนะโยม เรื่องที่อาตมาจะพูดถึงคือ เรื่องคนขับรถรับส่งนักเรียน ที่ลืมเด็กไว้ในรถจนต้องเสียชีวิต เหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นบ่อยมาก อาตมาจึงอยากจะให้ธรรมะว่า คนเราไม่ว่าจะทำอาชีพใดจะต้องมีสติสัมปชัญญะ (ลืมเด็กในรถ ช็อกสาหัส คนขับมอบตัวรับประมาท) 

สติ หมายถึง ความระลึกได้ และการรู้สึกตัวอยู่เสมอ ทั้งในขณะคิด ขณะพูด และในขณะกระทำสิ่งใดๆ ทำให้เราไม่กระทำการด้วยมัวเมา และภายใต้ความประมาท


สัมปชัญญะ หมายถึง ความรู้ตัวหรือรู้ในกิริยา รู้ในการกระทำของตนทั้งที่เกิดขึ้นแล้ว กำลังเกิดขึ้น และที่กำลังเกิดในอนาคต พูดง่ายๆ คือ ต้องมีความรอบคอบ

โยมทั้งหลาย ลักษณะผู้ที่มีสติสัมปชัญญะ

1. รู้ตัวว่า สิ่งนั้นที่ตนกำลังทำอยู่จะเป็นประโยชน์หรือไม่
2. รู้ตัวว่า สิ่งนั้นที่ตนกำลังทำอยู่จะเหมาะกับตนหรือไม่
3. รู้ตัวว่า สิ่งนั้นที่ตนกำลังทำอยู่จะเป็นความทุกข์หรือสุขอย่างไร
4. รู้ตัวว่า สิ่งนั้นที่ตนกำลังทำอยู่จะเป็นความงมงายหรือไม่
5. รู้ตัวว่า สิ่งนั้นที่ตนกำลังทำอยู่จะสำเร็จหรือไม่ หรือเป็นเรื่องเลื่อนลอย ไร้สาระ
6. รู้ตัวว่า สิ่งนั้นที่ตนกำลังทำตั้งอยู่ในความประมาทหรือไม่ 

ดังนั้น เสี้ยววินาทีที่ประมาท คือ การเพิ่มโอกาสให้ความตาย 
ยามรุ่งเรือง "ไม่ประมาท" ยามตกยากต้อง "อดทน" เจริญพร