ที่ใช้ประดับ พระเมรุมาศ ครบทั้ง4ชั้น

เผยราวบันไดทั้ง4ชั้นประดับ พระเมรุมาศใช้ต้นแบบงานช่างไทยชั้นครู มีทั้งต้นแบบจากเรือพระที่นั่งอนันตนาคราช และพญาอนันตนาคราช ต้นแบบจากปราสาทพระเทพบิดรในวัดพระศรีรัตนศาสดารามและราวบันไดนาควัดพระพุทธบาท สระบุรี ที่มีความงามอย่างไทยแท้ ทีมงานเผยจะจัดสร้างอย่างสุดความสามารถเพื่อสืบสานประวัติศาสตร์และงานช่างไทย เพื่อให้สมพระเกียรติสูงสุดและแสดงศิลปวัฒนธรรมไทยให้โลกประจักษ์

ความคืบหน้าการจัดสร้างประติมากรรมประดับพระเมรุมาศ งานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล อดุลยเดช ที่ดำเนินการก่อสร้างไปเกินครึ่งแล้วเมื่อวันที่ 3 มิ.ย. นายสุดสาคร ชายเสม ผู้ออกแบบและควบคุมการจัดสร้างราวบันไดนาคประติมากรรมประดับพระเมรุมาศ กล่าวว่า กรมศิลปากร โดยนายสมชาย ศุภลักษณ์อำไพพร นายช่างศิลปกรรมอาวุโส กลุ่มงานศิลปประยุกต์และเครื่องเคลือบดินเผา สำนักช่างสิบหมู่ มอบหมายให้ศูนย์ศิลปาชีพเกาะเกิด จ.พระนครศรีอยุธยา และศูนย์ศิลปาชีพสีบัวทอง จ.อ่างทอง จัดสร้างราวบันไดนาคพระเมรุมาศ โดยตนเป็นผู้ออกแบบและควบคุมทุกขั้นตอนการจัดสร้างราวบันไดทั้ง 4 ชั้น ชั้นละ 8 นาค รวมทั้งสิ้น 32 นาค ยึดหลักแนวคิดในการออกแบบอย่างยิ่งใหญ่ สมพระเกียรติเพื่อถวายแด่พระบาทสมเด็จพระ ปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และยึดความเชื่อเรื่องพญานาคเป็นสัญลักษณ์ของน้ำและเสมือนสะพานสายรุ้ง เชื่อมโลกมนุษย์กับสวรรค์

นายสุดสาครกล่าวต่อไปว่า บันไดนาคจะใช้ต้นแบบงานช่างไทยชั้นครูทั้ง 4 ชั้น สำหรับชั้นที่ 1 นาค 1 เศียร รูปแบบรัตนโกสินทร์ ได้ต้นแบบจากเรือพระที่นั่งอนันตนาคราช มีขนาดยาว 1.50 เมตร เป็นนาคสีเขียว ชั้นที่ 2 เป็นนาค 3 เศียร คชนาค ความยาว 2.50 อ้างอิงจากประติมากรรมนาคพบที่เตาแม่น้ำน้อย วัดพระปรางค์ จ.สิงห์บุรี ชั้นที่ 3 นาค 5 เศียร เป็นพญาวาสุกรีนาคราช รูปแบบนาคสวมมงกุฎยอดชัย ความยาวกว่า 3.35 เมตร ต้นแบบจากราวบันไดนาควัดพระพุทธบาท จ.สระบุรี ซึ่งนักวิชาการยกย่องว่ามีความงามอย่างไทยแท้ ชั้นที่ 4 ชั้นพระเมรุมาศประธาน ซึ่งสำคัญที่สุดเป็นพญาอนันตนาคราช ต้นแบบจากปราสาทพระเทพบิดร ในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เป็นนาค 7 เศียร ความยาว 5.10 เมตร แต่ละเศียรเป็นหน้าเทวดา ตามคัมภีร์พระนารายณ์บรรทมสินธุ์บนแท่นพญาอนันตนาคราช เพื่อถวายพระเกียรติแด่รัชกาลที่ 9 คาดว่าต้นแบบราวบันไดนาคทั้ง 4 ชั้น จะแล้วเสร็จภายในเดือนมิถุนายน เพื่อทำพิมพ์ยางซิลิโคนและหล่อไฟเบอร์กลาส ประกอบและลงสี ทุกขั้นตอนนักเรียนศิลปาชีพจะดำเนินการทั้งหมด เป็นงานที่ละเอียดอ่อนและยากมาก คาดว่าภายในเดือนสิงหาคม จะแล้วเสร็จพร้อมนำไปติดตั้งประดับพระเมรุมาศ

“ด้วยพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้รัชกาลที่ 9 ผมและครู นักเรียนศูนย์ศิลปาชีพเกาะเกิด และศูนย์ศิลปาชีพสีบัวทองกว่า 50 คน จะจัดสร้างประติมากรรมราวบันไดนาคอย่างสุดความสามารถ สร้างสิ่งที่ดีที่สุดถวายพระองค์ท่าน ทั้งยังช่วยสืบสานประวัติศาสตร์ไทยและงานช่างไทยที่โรยราเต็มที พระเมรุมาศองค์ประธานสถาปัตยกรรมตามหลักโบราณราชประเพณี บันไดพระเมรุมาศส่วนประกอบ ก็ควรเป็นรูปแบบไทยประเพณีเช่นกัน เพื่อให้สมพระเกียรติและแสดงศิลปวัฒนธรรมไทยให้ทั้งโลกได้ประจักษ์” นายสุดสาครกล่าว

วันเดียวกัน ตามที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระ กรุณาโปรดเกล้าฯ จัดแสดงดนตรีเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณและเผยแพร่พระปรีชาสามารถ การพระราชนิพนธ์เพลงที่มีคุณค่า มีความหมายลึกซึ้ง เปี่ยมด้วยสุนทรียภาพ เพื่อพระ ราชทานความสุขแก่ชาวไทย ในทุกวันเสาร์ ระหว่างเวลา 19.00-21.00 น. ณ บริเวณพระลานพระราชวังดุสิต มาตั้งแต่วันที่ 29 เม.ย.

เมื่อช่วงค่ำวันที่ 3 มิ.ย. วงดุริยางค์กองทัพบกได้เปิดการแสดงดนตรี โดยมีศิลปินรับเชิญ ได้แก่ ทัช ณ ตะกั่วทุ่ง, ปนัดดา เรืองวุฒิ, พลพล พลกองเส็ง, มัดหมี่-ร.ท.หญิง พิมพ์ดาว พานิชสมัย และพีซ เดอะวอยซ์ หรือภาคิน อิศรกุล มาร่วมขับร้องบทเพลง ขณะเดียวกัน สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานเครื่องสักการะพระบรมรูปทรงม้า ให้ประชาชนทุกคนนำไปสักการะ ตั้งแต่เวลา 16.30น. เป็นต้นไป จำนวน 500 ชุด โดยให้บริการที่เต็นท์ฝั่งประตูสวนอัมพร ซึ่งประชาชนต่างให้ความสนใจขอรับกันเป็นจำนวนมาก

วันเดียวกัน ได้มีกลุ่มชาวไทยในนครซิดนีย์ประเทศออสเตรเลีย นำโดยนางลักขณา ไบรอันท์ ประธานสมาคมไทย-ออสเตรเลียน พร้อมด้วยสามีคือนายสตีฟ ไบรอันท์ นายชัชวาลย์ วิชากรกุล และนางณฐมน พรหมสุภา ร่วมเป็นเจ้าภาพบำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท