พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานภาพประกอบคติธรรม เนื่องในวันอาสาฬหบูชา ประจำปี 2567 เพื่อเป็นเครื่อง เตือนสติให้พุทธบริษัททั้งหลายได้นำหลักธรรมคำสอน อันว่าด้วยเรื่องของชีวิตสู่การประพฤติปฏิบัติ เพื่อประโยชน์ตน และประโยชน์เกื้อกูลต่อหมู่คณะ ชาติบ้านเมือง ก่อนเสด็จพระราชดำเนินพร้อมสมเด็จ พระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงบำเพ็ญพระราชกุศล เนื่องในวันอาสาฬหบูชา ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม และพระราชทานไฟเทียนชนวนถวายเจ้าอาวาสพระอารามหลวง นำไปจุดเทียนพรรษา

เนื่องในโอกาสวันอาสาฬหบูชา พุทธศักราช 2567 เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานภาพประกอบคติธรรมในธัมมจักกัปปวัตนสูตร ปฐมเทศนา ความว่า

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในพระราชฐานะอัครศาสนูปถัมภก ผู้ทะนุบำรุง และทรงบำเพ็ญประโยชน์เกื้อกูลในการพระศาสนา ทรงพระราชศรัทธาทรงประกอบโยนิโสมนสิการ ในถ้อยคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ทรงเล็งเห็นถึงความสำคัญของหลักธรรมอันทรงคุณค่า เป็นประโยชน์ต่อการประพฤติปฏิบัติ ในการดำเนินชีวิตให้เป็นไปเพื่อความดับทุกข์ สิ้นทุกข์ อันเป็นประโยชน์อย่างแท้จริงที่พึงจะได้รับจากหลักธรรมคำสอน อันเป็นหลักแห่งสัจจะ คือความจริงเกี่ยวกับชีวิต เกื้อกูลต่อทุกสรรพสิ่ง ทุกชาติ ทุกภาษา ทุกเพศ และทุกวัย

เนื่องในโอกาสวันอาสาฬหบูชา พ.ศ.2567 มีพระราชอนุสรณ์ คำนึงถึงหลักคำสอนที่พระพุทธองค์ ได้ทรงประกาศขึ้นเป็นปฐมเทศนา อันยังให้เป็นไปแล้ว ไม่มีผู้ใดจะคัดค้านได้เลยคือ พระธรรมจักร อันยอดเยี่ยม ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯพระราชทานภาพในโอกาสนี้ เพื่อเป็นเครื่องเตือนสติให้พุทธบริษัททั้งหลายได้นำหลักธรรมคำสอน อันว่าด้วยเรื่องของชีวิต คือหลักสัจจศาสตร์นี้ สู่การประพฤติปฏิบัติเพื่อประโยชน์ตน และประโยชน์เกื้อกูลต่อหมู่คณะ ชาติบ้านเมืองสืบไป

ขออำนาจแห่งคุณพระศรีรัตนตรัย อันมีพระพุทธ คือพลังแห่งปัญญา พระธรรม คือพลังแห่งอริยสัจจะ (ความจริง) พระสงฆ์ คือพลังแห่งคุณความดี ปกป้อง คุ้มครอง รักษา ทุกคนทุกท่านให้ได้รับจตุรพิธพรชัย เจริญในสัมมาอริยมรรค เข้าถึงธรรมเป็นที่สิ้นทุกข์ในปัจจุบันกาล และอนาคตกาลด้วยเทอญ

สำหรับภาพฝีพระหัตถ์พระราชทาน เป็นลายเส้นการ์ตูน พร้อมคติธรรมในธัมมจักกัปปวัตนสูตร อันประกอบไปด้วยรูปด้านขวาบน รูปพระธรรมจักร ที่มีข้อความล้อมรอบว่า ธรรม อันผู้ใดก็มิอาจคัดค้านได้ และข้อความภาษาบาลีว่า อนุตฺตรํ ธมฺมจกฺกํ ปวตฺติตํ อปฺปฏิวตฺติยํ พระธรรมจักร อันยอดเยี่ยม ที่พระผู้มี พระภาคเจ้า ทรงยังให้เป็นไปแล้ว ไม่ว่าใครๆก็ไม่อาจ จะคัดค้านได้ ภาพด้านซ้าย เป็นภาพสมเด็จพระสัมมา สัมพุทธเจ้า ทรงประทับนั่งใต้ต้นโพธิ์ มีคำ อริยสัจ ๔ และข้อความ “ปุพฺเพจาหํ ภิกฺขเว เอตรหิ จ ทุกขญฺเจว ปญฺญาเปมิ ทุกขสฺส จ นิโรธํฯ” ภิกษุทั้งหลาย ทั้งในกาลก่อนแลบัดนี้ เราบัญญัติแต่ทุกข์และความดับทุกข์ เท่านั้นฯ และภาพด้านล่างขวา เป็นภาพสมเด็จพระ สัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงเทศนาสั่งสอนปัญจวัคคีย์ทั้ง 5 พร้อมข้อความ “ยงฺกิญฺจิ สมุทยธมฺมํ นิโรธธมฺมํฯ” “สิ่งใดสิ่งหนึ่ง มีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นทั้งปวง ล้วนต้องดับไปเป็นธรรมดาฯ”

ต่อมาเวลา 17.25 น.พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่ง จากพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ไปในการพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศล เนื่องในวันอาสาฬหบูชา พุทธศักราช 2567 ณ พระอุโบสถ วัดพระศรีรัตน ศาสดาราม พระบรมมหาราชวัง

เมื่อเสด็จเข้าพระอุโบสถ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดเทียนพรรษาในตู้ ด้านพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกย์ และด้านพระพุทธเลิศหล้านภาไลย จากนั้นทรงถวายพุ่มเทียน ธูปเทียนแพ ต้นไม้ทอง ต้นไม้เงิน และทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการท้ายที่นั่งบูชาพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร พระพุทธยอดฟ้า จุฬาโลกย์ และพระพุทธเลิศหล้านภาไลย เสร็จแล้วทรง จุดธูปเทียนเครื่องนมัสการทองใหญ่ที่หน้าธรรมาสน์ศิลา ทรงกราบ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการทองทิศ ทรงกราบ จากนั้นพระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ พลอากาศโท ภักดี แสง-ชูโต รักษาราชการแทนผู้อำนวยการกองพระราชพิธี เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเทียนชนวน ทรงจุดเทียนชนวนจากโคมไฟฟ้า แล้วพระราชทานแก่รักษาราชการแทน ผู้อำนวยการกองพระราชพิธี เพื่อเชิญไปรักษาไว้สำหรับถวายเจ้าอาวาสพระอารามหลวงต่างๆ นำไปจุดเทียนพรรษาที่ได้ทรงพระราชอุทิศไว้แล้ว

ต่อจากนั้น ทรงประเคนพุ่มเทียนแด่สมเด็จพระราชาคณะ พระราชาคณะ พระเปรียญธรรม 9 ประโยค และพระภิกษุนาคหลวง จำนวน 20 รูป เสร็จแล้วทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี พระราชวงศ์ องคมนตรี และข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ทรงประเคนและประเคนพุ่มเทียน จนครบ 238 รูป

จากนั้น เสด็จพระราชดำเนินไปทรงกราบที่หน้าเครื่องนมัสการ ทรงรับการถวายความเคารพของผู้มาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท แล้วเสด็จพระราชดำเนินไปประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินกลับ

ขณะที่บรรยากาศการทำบุญตักบาตรเนื่องในวันอาสาฬหบูชา ประจำปี พ.ศ.2567 ใน กทม.เป็นไปอย่างคึกคักหลายวัดตั้งแต่เช้า เช่น ที่วัดราชบพิธ สถิตมหาสีมารามฯ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยนางวันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ นายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย นำข้าราชการในกระทรวงมหาดไทยและประชาชนในบริเวณใกล้เคียง ทำบุญตักบาตรถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา โดยมีสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ กรรมการมหาเถรสมาคม เลขานุการสมเด็จพระสังฆราช ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ราชวรวิหาร นำพระภิกษุสงฆ์ สามเณร เดินบิณฑบาต

ขณะที่วัดอื่นๆ อาทิ วัดบวรนิเวศวิหาร วัด ลาดพร้าว วัดพระราม 9ฯ วัดเสมียนนารี ฯลฯ ต่างมีพุทธศาสนิกชนจำนวนมากทยอยเดินทางเข้ามาทำบุญและร่วมกิจกรรมต่างๆที่แต่ละวัดได้จัดไว้ อย่างต่อเนื่อง อาทิ การร่วมกันถวายสังฆทาน การร่วมถวายเครื่องไทยทาน ผ้าอาบน้ำฝนและเทียนพรรษา การทำบุญพระพุทธรูปประจำวันเกิด การทำบุญร่วมถวายผ้าไตร การบูชาแผ่นทอง รวมถึงการร่วมทำบุญบูชาดอกไม้ธูปเทียน เพื่อสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตนเอง

ต่อมาในช่วงค่ำ วัดวาอารามต่างๆทั่วประเทศ ก็คลาคล่ำไปด้วยพุทธศาสนิกชนออกมาร่วมกิจกรรมเวียนเทียนเนื่องในวันอาสาฬหบูชา โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามฯ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก นำคณะสงฆ์ สวดมนต์ทำวัตรเย็นและเจริญพระพุทธมนต์ธัมมจักกัปปวัตนสูตร มีสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ แสดงพระธรรมเทศนา 1 กัณฑ์ เช่นเดียวกับที่วัด สระเกศฯ พุทธศาสนิกชนร่วมเวียนเทียนรอบบรมบรรพต (ภูเขาทอง) อย่างหนาแน่น และที่วัดเบญจมบพิตรฯ มีพุทธศาสนิกชนเดินทางมาสักการะพระประธาน ปล่อยนกปล่อยปลา สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในพระอุโบสถภายในวัด เวียนเทียนอย่างคึกคัก

อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่