ปลัดกระทรวงมหาดไทย เข้ารับพระราชทานแผ่นธรรมนาวา "วัง" เบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อเชิญไปมอบให้กับวัด สถานศึกษา เรือนจำ สถานพินิจ และประชาชน ทั่วประเทศ
วันที่ 17 พ.ค. 67 ที่อาคาร บก. หน่วยราชการในพระองค์ 904 (อาคาร 2) พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เข้ารับพระราชทานแผ่นธรรมนาวา "วัง" เบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยมี นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทยด้านบริหาร นายพุทธพงษ์ สุริยะสิงห์ ผู้อำนวยการกองคลัง สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย นายมรกต ศรีตูมแก้ว รักษาราชการแทนผู้อำนวยการกองกลาง สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย และข้าราชการ พนักงานสังกัดกระทรวงมหาดไทย ร่วมในพิธี
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานแผ่นธรรมนาวา "วัง" ให้แก่ วัด สถานศึกษา เรือนจำ สถานพินิจ และประชาชน ในทุกจังหวัดทั่วประเทศ จังหวัดละ 200,000 แผ่น ซึ่ง แผ่นธรรมนาวา "วัง" นี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานภาพวาดฝีพระหัตถ์พร้อมคติธรรม ธรรมนาวา “วัง” ซึ่งประกอบด้วยหลักปฏิบัติเพื่อความพ้นทุกข์ แบบวิธีระลึกถึงคุณพระรัตนตรัย และหลักอริยสัจ 4
“พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงประกาศพระองค์เป็นพุทธศาสนูปถัมภกในที่ชุมนุมสงฆ์ ณ พระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง เนื่องในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2562 โดยมีพระราชดำรัส ความว่า ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญ แต่เดิมมาข้าพเจ้าได้มีจิตศรัทธา เลื่อมใส และนึกถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะ ด้วยวิธีนั้นๆ อยู่แล้ว ฉะนั้นบัดนี้ ข้าพเจ้าได้เถลิงถวัลย์ ราชสมบัติบรมราชาภิเษกแล้ว จึงขอมอบตัวแด่พระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้าและพระสังฆเจ้า จะได้รับการจัดการ ให้ความคุ้มครอง และรักษาพระพุทธศาสนาโดยชอบธรรมตลอดไป ข้าแด่พระสงฆ์ผู้เจริญ ขอพระสงฆ์จงจำไว้ด้วยว่า ข้าพเจ้าเป็นพุทธศาสนูปถัมภกเถิด ซึ่งพระองค์ทรงมีพระราชอนุสรณ์คำนึงถึงพระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งแห่งองค์พระบรมศาสดาสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในพระราชฐานะพุทธมามกะและองค์อัครศาสนูปถัมภก ได้ทรงบำเพ็ญเพียรพระราชกรณียกิจน้อยใหญ่ เพื่อทำนุบำรุง เจือจุน ให้พระพุทธศาสนา อันมีพระธรรมคำสอนของพระพุทธองค์เป็นพระศาสดา ได้ธำรงคงอยู่ให้พุทธบริษัททั้งหลายได้รับประโยชน์ โดยการศึกษา (ปริยัติ) น้อมนำพระธรรมคำสอนลงมือทำ (ปฏิบัติ) เพื่อเข้าถึง (ปฏิเวธ) ซึ่งสาระแก่นแท้ของพระศาสนา คือ “ความสิ้นทุกข์” จึงได้ทรงเล็งเห็นความสำคัญในการพระราชทานเผยแพร่หลักธรรมอันทรงคุณค่าที่พุทธศาสนิกชน ตลอดจนประชาชนพลเมืองชาติ ทุกหมู่เหล่า ให้ได้ศึกษาหลักการวิธีปฏิบัติ อันได้ชื่อว่าเป็นการปฏิบัติตามพระธรรม คำสอน เพื่อเข้าถึงความเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ที่ชื่อว่า “พุทธะ” คือสัจธรรมที่เป็นความรู้ อย่างผู้รู้แจ้งด้วยปัญญา ผ่านหลักสัจธรรมความเป็นจริงตามธรรมชาติ ที่พระพุทธองค์นำมาบอกสอน ที่ชื่อว่า “ธรรมะ” ด้วยการเป็นผู้น้อมนำประพฤติปฏิบัติจนสามารถรู้ตาม เห็นตาม ที่ชื่อว่า "สังฆะ" อันพุทธะ ธรรมะ สังฆะนี้เป็นสรณะที่พึงยึดเป็นพลังทางใจ พลังทางสติปัญญา อย่างแท้จริง ตามแนวทางการปฏิบัติธรรมนาวาของ พระจารุวณฺโณ ภิกฺขุ (พระอาจารย์ต้น) จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเป็นธรรมทาน เพื่อประโยชน์สุข อันพึงจะได้รับจากพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริงผ่านหลักการปฏิบัติอย่างถูกต้องตรงตามพุทธบัญญัติ แก่พุทธบริษัท และประชาชนทุกหมู่เหล่า ถวายเป็น พุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา มาตาปิตุบูชา อาจริยบูชา ถวายเป็นพระราชกุศลแด่ พระบูรพมหากษัตริยาธิราชเจ้า ทุกๆ พระองค์” นายสุทธิพงษ์ กล่าว