“ในหลวง-ราชินี” ประทับเรือสุพรรณหงส์ เสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนครทางชลมารค เนื่องในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ 2 พระราชธิดาประทับเรืออเนกชาติภุชงค์ตามเสด็จ ภายหลังเสด็จฯขึ้นที่ท่าราชวรดิฐ เสด็จฯประทับพระราชยานพุดตานทอง เสด็จริ้วขบวนราบยาตราไปยังพระบรมมหาราชวัง สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี ทรงเป็นราชองครักษ์ พระดำเนินเคียงคู่พระราชยานถวาย อารักขา สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพฯ เฝ้ารับเสด็จรัชกาลที่ 10 เสด็จฯ เลียบพระนครทางชลมารค ณ พลับพลา ที่สวนสันติไชยปราการ ทรงบันทึกภาพริ้วขบวนเรือที่ยิ่งใหญ่สมพระเกียรติและอลังการตระการตากลางลำน้ำเจ้าพระยา พสกนิกรล้นหลามเฝ้ารับเสด็จและเปล่งเสียงถวายพระพรกึกก้องสองฝั่งน้ำเจ้าพระยา สุดปลื้มปีติได้ชมพระราชพิธีสำคัญของชาติไทยเป็นบุญตาครั้งหนึ่งในชีวิต
พระราชพิธีเสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนคร โดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค เนื่องในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 ซึ่งเป็นพระราชพิธีเบื้องปลาย ที่เป็นหนึ่งในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกตามโบราณราชประเพณีของชาติไทยที่ต้องบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ชาติ ได้มีขึ้นอย่างงดงามยิ่งใหญ่อลังการสมพระเกียรติ เมื่อเย็นวันที่ 12 ธ.ค. ท่ามกลางประชาชนทั้งชาวไทยจากทั่วสารทิศ และชาวต่างชาติหลั่งไหลมาชมโบราณราชประเพณีอันตระการตา แน่นขนัดสองฝั่งลำน้ำเจ้าพระยา เพื่อบันทึกไว้เป็นบุญตาและครั้งหนึ่งในชีวิต
จัดพิธีสักการะแม่ย่านางเรือ
โดยในเวลา 06.40 น. ที่อู่ทหารเรือธนบุรี กรมอู่ทหารเรือ เขตบางกอกน้อย คณะกรรมการจัดเตรียมความพร้อมขบวนเรือพระราชพิธีกองทัพเรือ จัดพิธีเซ่นไหว้แม่ย่านางเรือพระราชพิธี ที่ถือเป็นพิธีศักดิ์สิทธิ์และเป็นธรรมเนียมปฏิบัติก่อนขบวนเรือจะยาตราสู่ชลมารค โดย พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ ผบ.ทร. นำนายทหารระดับสูงกองทัพเรือ นายเรือ ผู้ควบคุมเรือพระราชพิธีทั้ง 52 ลำ เข้าร่วมพิธี ผบ.ทร.เข้าสักการะพระพุทธรูปในอุโบสถวัดวงศมูลวิหาร ในอู่ทหารเรือธนบุรี แล้วจุดธูปเทียนที่โต๊ะเครื่องเซ่นไหว้ บริเวณอู่หมายเลข 1 พนักงานอ่านโองการเซ่นไหว้แม่ย่านางเรือพระที่นั่งและเรือในขบวน พยุหยาตราทางชลมารค ผบ.ทร.มอบพวงมาลัยเซ่นไหว้แม่ย่านางเรือให้กับนายเรือนำไปสักการะที่บริเวณหัวเรือเป็นสิริมงคลและขวัญกำลังใจ สำหรับกำลังพลประจำเรือทุกนายตกแต่งกายในชุดนักรบโบราณ ตามราชประเพณีการเคลื่อนขบวนพยุหยาตรา ชลมารค ส่วนเรือพระราชพิธีทุกลำถูกตกแต่งอย่างวิจิตร เฉพาะเรือพระที่นั่งมีลงรักปิดทองตลอดทั้งลำ เมื่อถูกแสงอาทิตย์จะสะท้อนเป็นประกายงดงามจับตา
พสกนิกรแห่จองพื้นที่เฝ้ารับเสด็จ
ขณะที่บรรยากาศบริเวณพื้นที่ริมน้ำทั้งสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ทั้งฝั่งพระนครและฝั่งธนบุรี ตั้งแต่ท่าวาสุกรีไปจนถึงท่าราชวรดิฐตั้งแต่ช่วงเช้า คึกคักไปด้วยประชาชนจำนวนมากที่สวมเสื้อสีเหลือง เดินทางมาเฝ้ารอที่หน้าจุดคัดกรอง เตรียมเข้าจับจองพื้นที่บริเวณริมแม่น้ำ เพื่อรับเสด็จฯและชมขบวนเรือ อย่างใกล้ชิด โดยก่อนหน้างานพระราชพิธี รัฐบาลได้ร่วมกับเจ้าของบ้านเรือนและสถานประกอบการริมน้ำ ตลอดจนส่วนราชการและหน่วยงานต่างๆ ตลอดเส้นทางเสด็จพระราชดำเนิน ทำความสะอาดพื้นที่ริมเขื่อนติดแม่น้ำ ติดธงสัญลักษณ์ ธงพระนามาภิไธยย่อ พระบรมฉายาลักษณ์ และข้อความทรง พระเจริญอย่างสวยงามสองฟากฝั่ง ขณะเดียวกันประชาชนจำนวนมากนำกล้องถ่ายภาพและเลนส์ซูมขนาดใหญ่มาบันทึกภาพ ซึ่งเจ้าหน้าที่จุดคัดกรองได้ตรวจสอบกล้องและเลนส์ก่อนอนุญาตให้เข้าบันทึกภาพ
โรงแรม-ร้านอาหารริมน้ำคึกคัก
ขณะเดียวกัน สถานประกอบการภาคเอกชนริมแม่น้ำเจ้าพระยาทั้งฝั่งพระนครและธนบุรี มีการเปิดจำหน่ายโต๊ะพร้อมอาหารและเครื่องดื่มริมแม่น้ำ สำหรับผู้ที่สนใจที่จะมาเข้าเฝ้ารับเสด็จฯและชมขบวนเรือ จากการสำรวจบริเวณท่าวังหลังจนถึงท่าเรือวัดระฆัง ฝั่งธนบุรี พบว่า หากจองเป็นโต๊ะจะมีราคาตั้งแต่ 3,000-4,500 บาท ทั้งมีการเปิดขายเก้าอี้ริมน้ำ ในราคาลดหลั่นกันไปตั้งแต่ 500-1,500 บาท ปรากฏว่ามีคนจองเต็มก่อนงานจะเริ่มขึ้นทุกร้าน ในส่วนโรงแรมริมแม่น้ำเจ้าพระยาตลอดเส้นทางรับเสด็จฯ บริเวณท่าพระอาทิตย์ฝั่งพระนครก็มีการเปิดจำหน่ายโต๊ะอาหารริมแม่น้ำในราคาที่สูงกว่าร้านอาหารทั่วไปเล็กน้อย ส่วนท่าน้ำต่างๆ บริษัท สุภัทรา เรียลเอสเตท จำกัด ซึ่งเป็นผู้บริหารจัดการพื้นที่ ตั้งแต่ท่าเรือวังหลัง ท่าพระจันทร์ ท่าช้าง ท่ารถไฟ ท่าตรอกมหาธาตุ มีการนำเก้าอี้มาตั้งแล้วจำหน่ายบัตรให้ประชาชนที่สนใจ ในราคาย่อมเยาขึ้นคือ 100-500 บาท ได้รับความ สนใจจองเต็มแน่นทุกแห่งเช่นกัน
รัฐเปิดจุดบริการอาหาร-น้ำดื่มฟรี
ในส่วนของผู้ที่เดินทางมาร่วมในพระราชพิธี โดยไม่ได้จับจองพื้นที่ของภาคเอกชนที่เตรียมไว้ รัฐบาลได้อำนวยความสะดวกด้วยการจัดเตรียมพื้นที่จอดรถไว้ทั้งรอบนอกและบริเวณพื้นที่ กทม.ชั้นกลาง 26 จุด จัดรถโดยสารไว้รับส่งเข้าพื้นที่รับเสด็จฯตามจุดต่างๆ เพื่อผ่านเข้างานทางจุดคัดกรอง รักษาความปลอดภัยรอบบริเวณ 20 จุด พร้อมจัดพื้นที่ 15 จุดรองรับประชาชนที่เดินผ่านจุดคัดกรอง มาแล้วให้พักรอก่อนพระราชพิธีจะเริ่ม ในส่วนการติดตั้งอัฒจันทร์ใกล้แม่น้ำไว้สำหรับให้ประชาชนนั่งเพื่อเฝ้ารับเสด็จฯนั้น มี 6 แห่ง ได้แก่ สวนสันติชัยปราการ ลาน 60 ปีธรรมศาสตร์ ลานปรีดี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สวนนาคราภิรมย์ ใต้สะพานพระราม 8 ฝั่งธนบุรี สวนเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา ลานพลับพลาสยามินทราศิริราชานุสรณีย์ อุทยานสถานพิมุข เป็นต้น
ตั้งโรงครัวพระราชทานแจกอาหาร
นอกจากนี้สำนักพระราชวัง ยังจัดตั้งโรงครัวพระราชทานแจกอาหารเครื่องดื่มฟรี ที่วัดสามพระยา สนามหลวง สวนนาคราภิรมย์ วัดอมรินทรารามวรวิหาร วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร และวัดอมรคีรี ฯลฯ รอบบริเวณงานทั้งฝั่งพระนครและธนบุรี ยังมีการจัดตั้งจุดบริการอาหารและเครื่องดื่ม กว่า 40 จุด พร้อมจุดบริการทางการแพทย์ รถสุขา โดยเน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติกับประชาชนที่มาร่วมงานเสมือนเป็นแขกของพระเจ้าอยู่หัว
ใต้สะพานพระราม 8 คนล้นหลาม
บรรยากาศที่บริเวณใต้สะพานพระราม 8 ตั้งแต่ช่วงเช้า มีประชาชนจำนวนมากสวมเสื้อสีเหลืองมารอรับเสด็จ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ในการพระราชพิธีเสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนครโดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค โดยจุดคัดกรองใต้สะพาน เปิดให้ผ่านเข้าพื้นที่เวลา 09.00 น. รับสติกเกอร์ติดบนอกเสื้อ รับแจกร่มกันแดดสีเหลือง มีประชาชนจากทุกสารทิศหลั่งไหลเข้าไปในพื้นที่ใต้สะพาน นอกจากคนไทยจะเข้ามารอรับเสด็จอย่างเนืองแน่นแล้วยังมีชาวต่างชาติสวมเสื้อสีเหลืองมารอชมความงดงามของขบวนพยุหยาตราทางชลมารคอีกด้วย
บัตรคิว 5 พันคนหมดก่อนเที่ยง
เวลา 12.00 น. มีประชาชนทยอยเข้ามาอยู่ในพื้นที่ใต้สะพานพระราม 8 หลายพันคนโดยบัตรคิวเข้าพื้นที่ริมแม่น้ำที่จัดทำไว้อักษร A-J อักษรละ 500 คิว ยกเว้นอักษร J มี 600 คิว รวม 5,100 คิว ถูกแจกหมดเกลี้ยง ขณะที่ประชาชนยังทยอยเดินทางเข้ามาอีกจำนวนมาก ต้องรอคิวเสริมและนั่งรออยู่ในเต้นท์ขนาดใหญ่ที่จัดเป็นพื้นที่พักรอประกาศเรียกเข้าจุดนั่งชมตามคิวอักษร จนพื้นที่ที่จัดเตรียมไว้ไม่พอต้องออกมานั่งบนพื้นจนแน่นไปหมด แม้จำนวนคนจะหนาแน่น แต่ก็เป็นไปด้วยความเรียบร้อย อากาศไม่ร้อนอบอ้าวเนื่องจากมีเงาสะพานกันแดดตลอดแนว จนเวลา 13.30 น. จึงเปิดให้ประชาชนที่ได้คิวแรกทยอยเข้าไปพื้นที่นั่งริมน้ำก่อน ขณะที่เจ้าหน้าที่ได้ประกาศให้ประชาชนทราบขั้นตอนในการเข้าชมขบวนพยุหยาตราทางชลมารค พร้อมระบุว่าพื้นที่สะพานพระราม 8 เป็นจุดชมที่ใหญ่ที่สุด มองเห็นบรรยากาศขบวนเรือได้กว้างที่สุด
คุณยายเพชรบุรีชื่นชมพระบารมี
นางสมควร เกิดเทศ อายุ 75 ปี ชาวจังหวัดเพชรบุรี เดินทางมากับหลานสาว รอชมขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ใต้สะพานพระราม 8 กล่าวว่า มาจาก อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี เมื่อวันที่ 10 ธ.ค. มาพักบ้านญาติที่เขตดินแดง ตั้งใจมารอรับเสด็จและอยากเห็นความงดงามของขบวนพยุหยาตราทางชลมารค เพราะเคยเห็นแต่ในทีวีไม่เคยเห็นของจริงมาก่อน ลูกไม่ว่างพามา หลานจึงขับรถไปรับจาก อ.ท่ายาง แม้จะเห็นเรือไม่ชัดเพราะแม่น้ำกว้างมากแต่แค่ได้มาอยู่ในพิธีก็พอใจแล้ว อยากมาชื่นชมบารมีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นบุญกับชีวิต ขณะที่นางวันดี สมบูรณ์ อายุ 67 ปี ชาว อ.ธารโต จ.ยะลา เดินทางมารอชมขบวนเรือพระราชพิธีตั้งแต่เวลา 08.00 น. กล่าวว่า รู้สึกดีใจที่มีโอกาสได้มาเป็นส่วนหนึ่งในงานพระราชพิธีอันยิ่งใหญ่มีความสง่างามที่สุดในโลก ถือว่ามีบุญที่สุดในชีวิต
คุณตาวัย 69 ถือเป็นครั้งหนึ่งในชีวิต
นายวิชา ทับทอง อายุ 69 ปี ชาวบ้านจาก จ.นครสวรรค์ กล่าวว่า ดีใจและปลาบปลื้มใจที่ได้มาชมขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ถือเป็นครั้งหนึ่งในชีวิต พิธีแบบนี้ไม่ได้มีโอกาสได้เห็นบ่อยๆ เชื่อว่าหากมีโอกาสทุกคนคงอยากมาทั้งนั้นและเป็นการมาด้วยใจจงรักภักดี จะเห็นว่าคนมามากจากหลายจังหวัด แต่มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย เห็นอกเห็นใจกัน ให้ผู้สูงอายุเข้าก่อน ในงานมีการแจกน้ำ แจกอาหาร มีเจ้าหน้าที่พยาบาลคอยดูแลคนเจ็บป่วย ดูแลการจราจร เป็นภาพที่ประทับใจมาก
ทูตานุทูต 105 ประเทศชมราชพิธี
ขณะที่บริเวณพระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 8 สวนหลวงพระราม 8 ข้างสะพานพระราม 8 จุดที่กระทรวงการต่างประเทศเชิญคณะทูตานุทูตและกงสุลต่างประเทศประจำประเทศไทย พร้อมคู่สมรส ทั้งที่มีถิ่นพำนักในประเทศไทยและต่างประเทศ จำนวน 160 คนจาก 105 ประเทศ เฝ้าทูลละอองธุลี พระบาทรับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี โดยจัดที่นั่งไว้ในเต็นท์ขาวตั้งตามแนวริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาสำหรับนั่งชมขบวนเรือ พร้อมติดตั้งจอมอนิเตอร์ขนาดใหญ่ ไว้ให้ชมการถ่ายทอดการเสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนครโดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค
นศ.ฝรั่งเป็นจิตอาสาคอยให้ข้อมูล
ส่วนบริเวณท่าเรือรถไฟ มีกลุ่มจิตอาสาชาวต่างชาติประมาณ 40 คน เดินแนะนำชาวต่างประเทศที่มารอรับเสด็จ ในจำนวนนี้มี นส.เมเดลีน เดิลริช อายุ 20 ปี นักศึกษาจากแคลิฟอร์เนียกล่าวว่า มาทำงานเผยแพร่ศาสนาในประเทศไทยและสมัครเป็นจิตอาสา 904 ก่อนหน้านี้เคยไปทำหน้าที่ล่ามจิตอาสาในงาน ร.10 เสด็จพระราชดำเนินเยาวราชมาแล้ว วันนี้จึงเป็นโอกาสดีอีกครั้งที่ได้ทำหน้าที่ในพระราชพิธี สำคัญ คอยให้ข้อมูลแก่ชาวต่างชาติถึงพระราชพิธีเสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนคร โดยมีประชาชนรอรับเสด็จและชื่นชมบารมีตลอดสองฟากฝั่งน้ำ ยิ่งตอนขบวนเรือผ่านมาตรงหน้าแล้วได้ยินประชาชนเปล่งเสียงทรงพระเจริญกึกก้องแม่น้ำเจ้าพระยา รู้สึกอะเมซิ่งมากๆ ไม่มีประเพณีที่ไหนในโลกยิ่งใหญ่ไปกว่านี้อีกแล้ว
ขบวนเรือเคลื่อนที่เข้าประจำจุด
เวลาประมาณ 13.00 น. กองทัพเรือเริ่มเคลื่อนเรือพระที่นั่ง และเรือรูปสัตว์ออกจากอู่ทหารเรือธนบุรี โดยเรือพระที่นั่งอนันตนาคราชถูกติดตั้งบุษบก เพื่ออัญเชิญพระพุทธปฏิมาชัยวัฒน์รัชกาลที่ 9 เข้าเทียบสะพานฉนวนประจำท่าวาสุกรี ส่วนเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ เรือพระที่นั่งอเนกชาติภุชงค์ ซึ่งทอดบัลลังก์กัญญา เป็นเรือพระที่นั่งทรง ส่วนเรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณ รัชกาลที่ 9 ทอดบัลลังก์กัญญาสำหรับเป็นเรือพระที่นั่งรอง เทียบที่สะพานฉนวนประจำท่าถัดไป ขณะที่เรือพระราชพิธีอื่นๆเข้าประจำหลักจอดเรือริมน้ำที่ผูกไว้ตั้งแต่เชิงสะพานพระราม 8 ทั้งฝั่งธนบุรีและฝั่งพระนคร เตรียมความพร้อมก่อนพระราชพิธีสำคัญจะเริ่ม
แจกร่มเหลือง ข้าวกล่อง น้ำดื่ม ผู้มาชม
ที่สวนสันติชัยปราการ ถนนพระอาทิตย์ ประชาชนทั้งใน กทม.และต่างจังหวัด รวมทั้งนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ พากันสวมเสื้อสีเหลือง เดินทางมาร่วมชมพระราชพิธี โดยทุกคนต้องเดินผ่านจุดคัดกรอง ที่หน้าพิพิธภัณฑ์บางลำพู รับแจกร่มสีเหลือง ข้าวกล่อง น้ำดื่ม ธงชาติไทย ธงตราสัญลักษณ์งานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก เวลา 11.30 น. เจ้าหน้าที่ได้เปิดให้ประชาชนเข้าจับจองที่นั่งบริเวณริมน้ำเจ้าพระยา โดยมีอัฒจันทร์จำนวน 3 จุด ถูกจับจองภายในเวลาอันรวดเร็ว นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ได้นำเสื่อมาปูด้านหน้าอัฒจันทร์และถูกจับจองอย่างแน่นขนัดภายในเวลาอันรวดเร็วเช่นกัน ส่วนด้านข้างได้ติดตั้งจอแอลอีดีขนาดใหญ่ถ่ายทอดสดให้ประชาชนชมอย่างทั่วถึง
กรมสมเด็จพระเทพฯทอดพระเนตรขบวนเรือ
เวลา 15.43 น. สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯพร้อมด้วยท่านผู้หญิงพลอยไพลิน เจนเซน และท่านผู้หญิงสิริกิติยา เจนเซน ยังสวนสันติชัยปราการ โดยมีคณะรัฐมนตรี ผู้บริหารกรุงเทพมหานคร รวมทั้งประชาชนเฝ้ารับเสด็จ จากนั้นเสด็จยังพลับพลาที่ประทับ พระที่นั่งสันติชัยปราการ ทอดพระเนตรขบวนเรือพยุหยาตราทางชลมารค
ในหลวงทรงเครื่องบรมขัตติยฯ
เวลา 16.02 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเครื่องบรมขัตติยราชภูษิตาภรณ์สายสะพายนพรัตนราชวราภรณ์ สวมสายสร้อยจุลจอมเกล้าและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญาและสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร โดยรถยนต์พระที่นั่งจากพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ไปยังเรือนแพที่ประทับรับรองบริเวณท่าวาสุกรี ทหารกองเกียรติยศถวายความเคารพ วงดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี ทั้งนี้ รถยนต์พระประเทียบอัญเชิญพระพุทธปฏิมาชัยวัฒน์ รัชกาลที่ 9 จากพระที่นั่งอัมพรสถาน มายังท่าวาสุกรี ด้วย
อัญเชิญพระขึ้นเรืออนันตนาคราช
ต่อมาเจ้าพนักงานราชูปโภค อัญเชิญพระพุทธปฏิมาชัยวัฒน์ รัชกาลที่ 9 ขึ้นประดิษฐานในบุษบกเรือพระที่นั่งอนันตนาคราช ที่สะพานฉนวนประจำท่าวาสุกรี เสร็จแล้วเรือพระที่นั่งอนันตนาคราช จึงเคลื่อนออกไปเข้าริ้วขบวน เพื่อให้เรือพระที่นั่งอเนกชาติภุชงค์ และเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์เข้าเทียบท่า ขณะนั้นเรือพระราชพิธีที่จอดรออยู่สองฟากฝั่ง เคลื่อนขบวนออกมาตั้งขบวนรอกลางแม่น้ำ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงฉลองพระองค์ครุย ทรงพระมาลาเส้าสูงและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงพระดำเนินไปยังท่าวาสุกรี องคมนตรี นายกรัฐมนตรี ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ เฝ้าฯรับเสด็จ พล.ร.อ. ลือชัย รุดดิษฐ์ ผบ.ทร. ในฐานะผู้บัญชาการขบวนเสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนคร โดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค กราบบังคมทูลรายงาน
ประทับสุพรรณหงส์เสด็จเลียบพระนคร
เวลา 16.24 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จฯ พร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร ขึ้นประทับเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระแสงขรรค์ชัยศรี ประทับพระราชอาสน์ทอดเครื่องราชูปโภค สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติฯ ประทับที่กราบเรือพระที่นั่งด้านขวา ทหารกองเกียรติยศ ถวายความเคารพ วงดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี ทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศยิงปืนใหญ่เฉลิมพระเกียรติฝ่ายละ 21 นัด เมื่อผู้ควบคุมเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ กราบบังคมทูล พระกรุณารายงานบัญชีกำลังพลประจำเรือ นายเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ กราบบังคมทูลพระกรุณาขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตเคลื่อนขบวน เมื่อพร้อมแล้วทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้เคลื่อนขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ออกจากท่าวาสุกรีไปตามชลวิถีท้องน้ำเจ้าพระยา
2 พระธิดาประทับเรืออเนกชาติภุชงค์
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรีนารีรัตนราชกัญญา เสด็จไปประทับเรือพระที่นั่งอเนกชาติภุชงค์ ตามเสด็จในขบวนพยุหยาตราทาง ชลมารค โดยทรงประทับพระเก้าอี้ทอดเครื่องพระอิสริยยศชั้นเจ้าฟ้า
เสียงเห่เรือกึกก้องในสายน้ำ
เมื่อเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ และเรือพระที่นั่งอเนกชาติภุชงค์ เข้าประจำตำแหน่งในขบวน ที่ตั้งรออยู่กลางแม่น้ำแล้ว จึงเริ่มเคลื่อนขบวนพยุหยาตราทางชลมารค โดยเป็นการพายเรือไปตามลำน้ำมุ่งสู่ท่าราชวรดิฐ ระยะทาง 3.4 กม. มี น.อ.ณัฐวัฏ อร่ามเกลือ รอง ผอ.กองเรือเล็ก กรมการขนส่งทหารเรือ เป็นพนักงานเห่เรือ ประจำบนเรือพระที่นั่งอนันตนาคราช สำหรับกาพย์เห่เรือพระราชพิธีนี้ ใช้ชื่อ “กาพย์เห่เรือเฉลิมพระเกียรติ เสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนครโดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค เนื่องในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 2562” ประพันธ์โดย น.อ.ทองย้อย แสงสินชัย ประกอบด้วย บทสรรเสริญพระบารมี บทชมเรือขบวน และบทชมเมือง
ธงชาติ-ธงเหลืองปลิวไสวด้วยใจภักดิ์
เวลา 16.35 น. เรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์เคลื่อนผ่านใต้สะพานพระราม 8 ประชาชนที่เฝ้ารอรับเสด็จฯ บริเวณพื้นที่ใต้สะพานต่างพากันโบกธงชาติและธงสีเหลืองตราพระปรมาภิไธยย่อ วปร พร้อมส่งเสียง “ทรงพระเจริญ”ดังกึกก้อง ประสานกับเสียงขับเสภาเห่เรือ ที่มีความไพเราะจับใจ ขบวนเรือค่อยๆเคลื่อนผ่านสายน้ำสะท้อนแสงพระอาทิตย์เป็นประกายระยิบระยับสวยงามเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงประทับ
ชาวต่างชาติชื่นชมเรือแต่ละลำ
หลังจากขบวนเรือผ่านไป ประชาชนยังเฝ้าดูการถ่ายทอดผ่านจอมอนิเตอร์ขนาดใหญ่ที่ติดตั้งไว้บริเวณใต้สะพาน ซึ่งความสวยงามของขบวนเรือและความไพเราะของเสียงเห่เรือ ได้สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ที่เข้ามารอเฝ้ารับเสด็จฯ บางคนมีภรรยาเป็นคนไทยคอยอธิบายให้เข้าใจ ขณะที่นักท่องเที่ยวสองสามีภรรยาชาวอเมริกันได้สอบถามถึงขบวนพยุหยาตราทางชลมารค จากเจ้าหน้าที่จิตอาสา 904 ที่สามารถสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษได้ โดยได้ชื่นชมว่าเรือแต่ละลำมีความสวยงามมาก
พระเทพฯทรงถ่ายภาพขบวนเรือ
ขณะเดียวกัน เมื่อขบวนเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ เคลื่อนผ่านสวนสันติชัยปราการที่ประทับ สมเด็จ พระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงถ่ายภาพขบวนเรือ ขณะเดียวกันพสกนิกรที่รอชื่นชมพระบารมีพร้อมใจกันโบกธงชาติ ธงตราสัญลักษณ์ และเปล่งเสียง “ทรง พระเจริญ” ดังกึกก้องไปทั่วคุ้งน้ำ กระทั่งเวลา 16.50น. สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯกลับ
เสียงระฆังดังกังวานวัด
ที่วัดระฆังโฆษิตาราม ประชาชนต่างสวมเสื้อเหลืองและมือถือธงชาติมารอรับเสด็จจำนวนมาก เมื่อขบวนเรือเคลื่อนผ่านมาถึงหน้าวัดในเวลา 17.00น. คณะสงฆ์วัดระฆังฯ นำโดยพระธรรมธีรราชมหามุนี ร่วมสวดเจริญพระพุทธมนต์ พร้อมตีระฆังประโคมตลอดช่วงขบวนเสด็จผ่าน ขณะที่ประชาชนต่างโบกธงชาติพร้อมเปล่งเสียงทรงพระเจริญๆ ตลอดเส้นทาง ทั้งนี้ นายคนึง และนางรัตนา นิจมัจจะ สองสามีภรรยาซึ่งเดินทางมาจาก จ.นครราชสีมา มาร่วมในพิธีมหามงคลถึงกับกลั้นน้ำตาไม่อยู่กล่าวว่า เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ได้เห็นพิธีสำคัญของในหลวงรัชกาลที่ 10 ถือว่าเป็นบุญตาที่ได้ชื่นชมพระบารมี ก่อนหน้านี้มาชมพิธีซ้อมถึง 3 ครั้ง เพราะอยากมาเห็นพิธีสำคัญครั้งเดียวในชีวิตและอยากมาฟังเสียงระฆังที่วัดระฆังฯ เพราะจะตีเฉพาะพิธีสำคัญเท่านั้น
17.11 น. เรือพระที่นั่งเทียบท่าราชวรดิฐ
เวลา 17.11 น. ขบวนพยุหยาตราทางชลมารคถึงยังท่าราชวรดิฐ เรือพระที่นั่งอนันตนาคราชเข้าเทียบสะพานฉนวนประจำท่าราชวรดิฐ เจ้าพนักงานเชิญพระพุทธปฏิมาชัยวัฒน์ รัชกาลที่ 9 จากบุษบก ไปประดิษฐานบนพระราชยานถม เตรียมเข้าริ้วขบวนราบยาตราไปยังพระบรมมหาราชวัง ต่อมาเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ เข้าเทียบ พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จฯพร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้า ทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร ขึ้นสะพานฉนวนประจำท่าราชวรดิฐแล้วเสด็จฯไปยังพลับพลาที่ประทับรับรอง จากนั้นเรือพระที่นั่งอเนกชาติภุชงค์เข้าเทียบเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ ที่สะพานฉนวนประจำท่าราชวรดิฐ สมเด็จพระเจ้า ลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดีกรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราช กัญญา เสด็จขึ้นแล้วตามเสด็จฯไปพลับพลาที่ประทับ
ริ้วขบวนราบยาตราเข้าวังหลวง
เวลา 17.50 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จฯพร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิรา เทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตน ราชกัญญา และสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกร รัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร ออกจากพลับพลาที่ประทับรับรองพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯไปยังพระที่นั่งราชกิจวินิจฉัย แล้วประทับพระราชยานพุดตานทอง ทรงพระแสงขรรค์ชัยศรี ยาตราโดยริ้วขบวนราบไปยังพระบรมมหาราชวัง มีพระราชยานถมอัญเชิญพระพุทธปฏิมาชัยวัฒน์ รัชกาลที่ 9 นำริ้วขบวนราบ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา และสมเด็จ พระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรต ตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร เสด็จไปประทับรถยนต์พระที่นั่งไปยังพระบรมมหาราชวัง ทรงรอรับเสด็จ ณ พระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ปราสาท
ทั้งนี้ ก่อนที่ริ้วขบวนจะเคลื่อน สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา เสด็จขึ้นไปยังพระที่นั่งราชกิจวินิจฉัย ทรงดูความเรียบร้อยของพระมาลาเส้าสูงและฉลองพระองค์ของพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว
เดินประกอบจังหวะ 6 เพลงมาร์ช
สำหรับริ้วขบวนราบเสด็จพระราชดำเนิน ไปยังพระบรมมหาราชวัง ใช้กำลังพลประมาณ 800 นาย รวมระยะทาง 800 เมตรเศษ ใช้เวลาในการยาตรา ขบวนประมาณ 30 นาที โดยเดินในท่าเดินกึ่งสวนสนามประกอบจังหวะเพลงมาร์ชในเพลงพระราชนิพนธ์ 6 เพลง คือ เพลงมาร์ชราชวัลลภ มาร์ช ธงชัยเฉลิมพล ยามเย็น ใกล้รุ่ง สรรเสริญเสือป่า สรรเสริญพระนารายณ์ มี พล.อ.อ.สถิตย์พงษ์ สุขวิมล เลขาธิการพระราชวังเป็นผู้อำนวยการริ้วขบวน ทั้งนี้ มีการเชิญพระพุทธปฏิมาชัยวัฒน์ รัชกาลที่ 9 มาประดิษฐานบนพระราชยานถมประกอบในริ้วขบวนด้วย
ราชินี-องค์ภา ถวายอารักขา
สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราช ดำเนินในริ้วขบวนราบ ตำแหน่งราชองครักษ์ในพระองค์ คู่เคียงพระราชยานพุดตานทองฝั่งซ้ายและสมเด็จ พระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา เสด็จในริ้วขบวนราบ ตำแหน่งราชองครักษ์ในพระองค์ คู่เคียงพระราชยานพุดตานทองฝั่งขวา นอกจากนี้ยังมี พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. ปฏิบัติหน้าที่เป็นนายทหารกำกับแถวแซงเสด็จฝั่งขวา และ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผช.ผบ.ทบ. ปฏิบัติหน้าที่เป็นนายทหารกำกับแถวแซงเสด็จฝั่งซ้าย
ทรงพระเจริญดังก้องพร้อมก้มกราบ
เวลา 17.55 น. ริ้วขบวนราบยาตราออกจากท่าราชวรดิฐ เลี้ยวซ้ายไปตามถนนมหาราช เลี้ยวขวาถนนหน้าพระลาน เลี้ยวขวาเข้าพระบรมมหาราชวังทางประตูวิเศษไชยศรี ประตูพิมานไชยศรี ทันทีที่ขบวนเสด็จฯเคลื่อนถึงจุดที่ประชาชนจำนวนมากเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จฯ ที่หน้าประตูประชาชน ต่างพร้อมใจโบกสะบัดธงชาติ ธงตราสัญลักษณ์ พร้อมชูพระบรมฉายาลักษณ์ และเปล่งเสียงทรง พระเจริญดังกึกก้องทั่วท้องถนน พร้อมกันนี้ยังได้ก้มลงหมอบกราบ ถวายความเคารพพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว ที่ประทับบนพระราชยานพุดตานทอง และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี สมเด็จ พระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ที่ทรง พระดำเนินเข้าริ้วขบวนราบในฐานะราชองครักษ์ประจำพระองค์คู่เคียงพระราชยานพุดตานทองด้วยความภักดี จนกระทั่งริ้วขบวนเคลื่อนผ่านประตูพิมานไชยศรี เพื่อไปเทียบยังเกยหน้าพระที่นั่งอาภรณ์ภิโมกข์ปราสาทในพระบรมมหาราชวัง
เสด็จฯรับพระบิดา
จนเวลา 18.24 น. ริ้วขบวนราบถึงภายในพระบรมมหาราชวัง พระราชยานพุดตานทองเข้าเทียบที่เกยพระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ปราสาท สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา พร้อมด้วย สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร เสด็จฯ มารับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถึงเกยพระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ปราสาท จากนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จไปประทับพักพระราชอิริยาบถ ณ พระที่นั่งราชกรัณยสภา แล้วเสด็จพระราชดำเนินไปประทับรถยนต์พระที่นั่ง พร้อมด้วยรถยนต์พระประเทียบอัญเชิญพระพุทธปฏิมาชัยวัฒนรัชกาลที่ 9 เสด็จกลับพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต
ชาวฝรั่งเศสปลื้มคุ้มค่าการรอชม
น.ส.ภักตร์พริ้ม เศตะพราหมณ์ อายุ 67 ปี พร้อมด้วยนายโลรองต์ ปาเกต์ อายุ 62 ปี สามีชาวฝรั่งเศส กล่าวภายหลังจากชมขบวนพยุหยาตราว่า ทุกปีช่วงนี้จะเดินทางกลับมาเมืองไทยเพื่อพักผ่อน โชคดีที่ได้มีโอกาสมาชมขบวนแห่ที่หาชมได้ยาก แม้ว่าตนจะเป็นคนไทย แต่ก็ไม่เคยมาชมแม้แต่ครั้งเดียว ครั้งนี้เป็นครั้งแรก อยากจะให้คนไทยหากมีโอกาสควรจะมาชม เพราะว่าไม่มีบ่อยๆ ด้านนายโลรองต์ สามีชาวฝรั่งเศส กล่าวว่า เคยเดินทางมาชมขบวนแห่เรือครั้งนี้เป็นครั้งที่สอง ครั้งแรกในรัชสมัยรัชกาลที่ 9 ตื่นเต้นทุกครั้งที่ได้มาชม เพราะมีความสวยงามมาก เรียกได้ว่ามีที่เดียวในโลก แม้ว่าจะรอนานมาก เพราะมาตั้งแต่เช้าแต่ถือว่าคุ้มค่าแก่การรอคอย