สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ทรงปฏิบัติพระกรณียกิจเจริญรอยตามสมเด็จพระบรมชนกนาถและสมเด็จพระบรมราชชนนี อีกทั้งยังได้ทรงปฏิบัติพระกรณียกิจแบ่งเบาพระราชภาระ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทร มหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยเฉพาะการทรงงานทางวิชาการ ด้านวิทยาศาสตร์และด้านการแพทย์ ก่อให้เกิดประโยชน์แก่ประเทศชาติ
หนึ่งในโครงการพระดำริที่สานพระปณิธานอันแน่วแน่ในการสร้างเสริมสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีเพื่อคนไทย นั่นคือ ศูนย์วิจัยศึกษาและบำบัดโรคมะเร็ง โดยพระราชทานเงินขวัญถุงจากพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ จำนวน 1 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนการดำเนินงาน พัฒนาจนมาสู่การก่อตั้ง “โรงพยาบาลจุฬาภรณ์” ซึ่งปีนี้ได้ก้าวสู่ 1 ทศวรรษ ที่ได้ดูแลรักษาคนไทยที่พร้อมเป็นที่พึ่งพิงดูแลทุกชีวิตเพื่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีของคนไทยทุกคน
ด้วยความใส่พระทัยในสุขภาพของประชาราษฎร์ สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ทรงรับคำกราบทูลเชิญจากรัฐบาล เป็นองค์ประธานกรรมการขับเคลื่อนการดำเนินโครงการ “สัตว์ปลอดโรค คนปลอดภัยจากโรคพิษสุนัขบ้า” ทรงมีพระปณิธานที่จะให้โรคพิษสุนัขบ้าหมดไปจากประเทศไทย ในปี 2563 ขานรับกับเป้าหมายขององค์การอนามัยโลกในการกำจัดโรคพิษสุนัขบ้าให้หมดไปจากโลก ภายในปี 2573 ทำให้ประเทศไทยได้รับเกียรติจากองค์การอนามัยโลก ให้เป็นศูนย์กลางในการแก้ไขปัญหาโรคพิษสุนัขบ้า ในภูมิภาคเอเชีย โดยมีศูนย์พักพิงสุนัขจรจัด “นครชัยบุรินทร์” ต.หนองสาหร่าย อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เป็นศูนย์ปฏิบัติการ
นอกเหนือจากงานด้านวิชาการทางการแพทย์ ที่ทรงนำมาใช้อำนวยสุขแก่ชาวประชาแล้ว สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ทรงมีสุนทรียภาพด้านงานหัตถศิลป์ที่ทรงได้รับการปลูกฝังตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ พระอัจฉริยภาพในการสร้างสรรค์ศิลปะหลากหลายแขนง ทั้งทางด้านดนตรีและงานศิลป์เหล่านั้น ทรงได้นำมาใช้ให้เกิดประโยชน์แก่ราษฎรอีกด้วย อาทิ โครงการถักร้อยสร้อยรัก สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ ที่ทรงออกแบบเครื่องประดับสร้อยมุก และทรงสร้างสรรค์งานด้วยช่างมืออาชีพที่มีความประณีตบรรจงในทุกรายละเอียด, ผ้าคลุมไหล่ผ้าไหมเนื้อดี ลายภาพวาดฝีพระหัตถ์ เป็นต้น โดยนำรายได้เป็นพระกุศลช่วยเหลือผู้ป่วยมะเร็งที่ยากไร้ ผู้ด้อยโอกาสทั้งปวง
และด้วยความสนพระทัยหลงใหลในงานศิลปะของ สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระ ศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ทรงได้ศึกษาการวาดภาพอย่างจริงจัง โดยทรงเข้าศึกษาหลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาทัศนศิลป์ ที่คณะจิตรกรรมประติมากรรมและภาพพิมพ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ทรงมีผลงานภาพวาดฝีพระหัตถ์ที่สะท้อนถึงพระอัจฉริยภาพ และพระปรีชาสามารถด้านศิลปะ ล้วนเป็นภาพสัตว์และดอกไม้นานาพันธุ์ สื่อสารบอกเล่าเรื่องราวถึงผืนป่า สายน้ำและสิ่งแวดล้อม อันงดงาม
เพื่อเป็นการถ่ายทอดความรู้ แนวคิดและจินตนาการ การสร้างสรรค์งานศิลปะของพระองค์ท่าน ทางกรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ร่วมกับราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ พร้อมใจจัดสร้าง “หอศิลป์พิมานทิพย์ (Pimarntip Art Gallery)” ที่ ต.โป่งตาลอง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชม เพื่อให้เป็นสถานที่สร้างแรงบันดาลใจ ให้แก่ผู้รักงานศิลปะและเยาวชนรุ่นใหม่ ตลอดจนเป็นการสนองแนวพระดำริในการทรงเป็นตัวอย่างการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์อีกด้วย
ในโอกาสวันคล้ายวันประสูติวันที่ 4 กรกฎาคมนี้ ขอพระองค์ทรงเจริญพระชนมายุยิ่งยืนนาน พระสุขภาพพลานามัยแข็งแรง เป็นมิ่งขวัญของพสกนิกรชาวไทยสืบไป.