หม่อมเจ้าประภาพันธุ์ ภาณุพันธุ์ หรือ รองศาสตราจารย์ ท่านหญิง ดร.ประภาพันธุ์ กรโกสียกาจ โดยทรงเป็นพระธิดาในพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้านิพันธุ์ภาณุพงศ์ กรมหมื่นภาณุพงศ์พิริยเดช กับ หม่อมมาลี ภาณุพันธุ์ ณ อยุธยา แต่พระบิดาได้สิ้นพระชนม์ ตั้งแต่มีพระชันษาเพียง 4 ปี นอกจากนี้ยังเป็นพระนัดดาใน จอมพลสมเด็จพระราชปิตุลาบรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช รวมถึงเป็นพระราชปนัดดา (เหลน) ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4
ท่านหญิงมีพระฐานันดรศักดิ์เป็น "หม่อมเจ้าหญิง" ต่อมาได้ทรงลาออกจากพระฐานันดรศักดิ์ เพื่อทรงสมรสกับพลอากาศตรีโกสีย์ กรโกสียกาจ (ขณะนั้นมียศเป็นเรืออากาศโท) กระทั่งวันที่ 10 มีนาคม 2504 ได้รับพระกรุณาธิคุณโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ให้ดำรงพระฐานะเป็นพระราชวงศ์ (เจ้านาย) ฝ่ายใน ซึ่งได้พระราชทานเบี้ยหวัดจากท้องพระคลังข้างที่เป็นประจำทุกปี ตลอดทั้งยังคงใช้คำราชาศัพท์ในชั้นหม่อมเจ้าตามเดิมทุกประการ
ในวันที่ 7 พ.ค. 62 ท่านหญิงประทานสัมภาษณ์พิเศษ กับทางทีมข่าวเจาะประเด็นไทยรัฐออนไลน์ และประทานพระอนุญาตให้ นางสาวกันต์ปินัทธ์ สถิรกุล ได้เข้าเฝ้าลำพัง ณ พระตำหนักริมน้ำส่วนพระองค์ โอกาสนี้ ท่านหญิงทรงพระกรุณาเล่าเรื่องราวความรัก ความประทับใจที่มีต่อ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหากษัตริย์ไทย รัชกาลที่ 10 แห่งราชวงศ์จักรี ในฐานะที่ท่านเป็นพระประยูรญาติ และมีศักดิ์เป็น ในพระปิตุจฉา (คุณอาหญิง) ของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว
ย้อนความทรงจำเมื่อครั้งแผ่นดินที่ 3
รัชสมัยแห่งพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ท่านหญิงประภาพันธุ์ ทรงมีความทรงจำในวัยเยาว์ ได้ตามเสด็จท่านอา เข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 บ่อยมาก เพื่อสนทนาราชการ ท่านหญิงเอง ประทับห่างจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวระยะพองาม จึงได้ชื่นชมพระบารมีอยู่ตลอดเวลา ครั้นวันที่ 9 มิถุนายน 2489 รัฐสภาได้กราบบังคมทูลเชิญสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภูมิพลอดุลยเดช เสด็จขึ้นครองราชสมบัติสืบราชสันตติวงศ์ เป็นพระมหากษัตริย์ลำดับที่ 9 แห่งราชวงศ์จักรี
ครั้นถึงวันที่ 5 พฤษภาคม 2493 สำหรับฝ่ายใน ทรงพระกรุณาให้เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทภายในพระราชพิธีเสด็จพระราชดำเนินออกมหาสมาคม ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยมไหสูรยพิมาน 14.00 น. หม่อมเจ้าประภาพันธุ์ รับสั่งว่า "ดิฉันรู้สึกตื่นเต้นและยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เห็นพระราชพิธีสำคัญนี้ตลอดจนปลาบปลื้มและดีใจร่วมไปกับพสกนิกรชาวไทยทุกคน ที่ได้ยินพระปฐมบรมราชโองการในครานั้นว่า "เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม"
ภาพจำของในหลวง ร.10 ที่ไม่มีวันลืมเลือน
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ครั้งสมัยยังเป็น "สมเด็จทูลกระหม่อมฟ้าชาย" หรือพระนามซึ่งตราตรึงอยู่ในหัวใจว่า "สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณฯ" พระองค์ทรงพระราชสมภพเมื่อวันจันทร์ที่ 28 ก.ค.2495 เมื่อเวลา 17.45 น. ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ท่านทรงได้รับการศึกษาระดับอนุบาลที่พระที่นั่งอุดรพระราชวังดุสิต ทรงเข้ารับการศึกษาระดับประถมศึกษาที่โรงเรียนจิตรลดา ระหว่าง พ.ศ.2499-2505
สำหรับท่านหญิง นับได้ว่าเป็นบุคคลที่โชคดี ที่ได้ใกล้ชิดและได้รับพระมหากรุณาธิคุณเสมอมา เพราะในทุกครั้งที่เข้าร่วมพิธีตั้งแต่ในสมัยรัชกาลที่ 9 จะโดยเสด็จด้วยเสมอ เมื่อเสด็จพระราชดำเนินผ่าน พระบรมวงศานุวงศ์จะทรงหันมาทอดพระเนตรพร้อมกับแย้มพระสรวล นับได้ว่าเป็นภาพที่ประทับใจเหลือเกิน
"ในหลวง ร.10 ท่านทรงมีระเบียบวินัยเรียบร้อยตั้งแต่ครั้งทรงพระเยาว์ เงียบขรึม สีพระพักตร์พระองค์จะไม่ค่อยแสดงความรู้สึก เรียบเฉย จึงอาจมองว่าเป็นคนดุ แต่ความเป็นจริงแล้ว พระองค์ทรงมีน้ำพระราชหฤทัยที่งดงาม อ่อนโยนกับดิฉันเสมอ หากจะให้กล่าวถึงภาพที่จำติดตา คงจะเป็นเมื่อครั้งที่พระองค์ทรงหิ้วตะกร้าใบใหญ่ เมื่อก้มลงไปดูพบว่าเป็น สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี บรรทมน่ารักน่าชังยิ่งนัก ทุกครั้งที่เสด็จฯ ไปแห่งหนใดพระองค์เสด็จพระราชดำเนินพร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งครอบครัว เสด็จพ่อ (ในหลวง ร.9) และ เสด็จแม่ (พระราชินี)"
"มีอยู่ครั้งหนึ่ง ได้เสด็จฯ ไปยังมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ได้ขึ้นไปร้องเพลงร่วมกันบนเวที พระองค์ทรงร้องเพลงร่วมกับเสด็จพ่อด้วย แต่ดิฉันจำไม่ได้แล้วว่าเป็นเพลงอะไร ทว่าครอบครัวของพระองค์มีใจรักทางด้านดนตรีเป็นอย่างมาก" ท่านหญิง ดร.ประภาพันธุ์ ทรงถ่ายทอดให้คู่สนทนาได้รับทราบ
ทรงมีน้ำพระราชหฤทัยงดงาม หาที่สุดมิได้
คราต่อมา ในหลวง รัชกาลที่ 10 ทรงพระกรุณาโปรดให้เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทเข้ารับพระราชทานน้ำสังข์เนื่องในวันประสูติของท่านหญิงประภาพันธุ์ ในวาระ 84 ชันษา ในขณะนั้นขณะรอเข้าเฝ้าฯ อยู่ มหาดเล็กในพระองค์ได้มาซักซ้อมการเข้าเฝ้าฯ อย่างเคร่งครัด
"พระองค์ท่านแจ้งมหาดเล็กมาว่า ของดิฉันให้ทรงดำเนินตามสะดวก ไม่ต้องเดินเข่า เพราะพระองค์ทรงทราบว่าดิฉันอายุเยอะแล้วและมีอาการเจ็บที่เข่า สร้างความปลาบปลื้มใจอย่างหาที่สุดไม่ได้ที่พระองค์ทรงมีพระกรุณาธิคุณ ครั้นได้เวลาเสด็จออก ดิฉันได้อัญเชิญพานดอกไม้ธูปเทียนแพซึ่งถือเป็นธรรมเนียมประเพณีอันสำคัญที่ขาดมิได้ในการเข้าเฝ้าฯ" ท่านหญิงประภาพันธุ์ รับสั่ง
ด้วยความชราภาพ ท่านหญิงทรงลืมเปิดกรวยดอกไม้บนพาน ในใจตอนนั้นวิตกกังวลเหลือเกิน เกรงว่าจะทำให้พระองค์ทรงขุ่นเคืองพระราชหฤทัย แต่เหตุการณ์มิเป็นเช่นนั้น ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ พระองค์ท่านทรงแย้มพระสรวล แล้วตรัสกลับมาว่า "ไม่เป็นไร ท่านหญิงไม่ต้องกังวล" จากนั้นได้พระราชทานน้ำสังข์ ทรงเจิม และพระราชทานใบมะตูมให้ทัดหู แล้วตรัสถามว่า "ท่านหญิงเข้าร่วมงานในวังใช้สายสะพายอะไร" ท่านหญิงทรงตอบกลับไปว่า "สายสะพายสีฟ้าเพคะ จำชื่อไม่ได้ว่าสายอะไร" จากนั้นพระองค์ทรงแย้มพระสรวลให้อีกครา
"จากนั้นพระองค์ตรัสกับดิฉันว่า "เดี๋ยวจะให้ท่านหญิงอีก 2 สายนะ แล้วเข้าร่วมงานวังหลวงบ่อยๆ นะ ท่านหญิงยังทรงงานอยู่ และให้รักษาสุขภาพให้แข็งแรงและปฏิบัติหน้าที่ต่อไป" ตอนที่ดิฉันได้กราบถวายบังคมและรับพระราชทานสายสะพายนั้น ท่านตรัสว่า "ทำตามสัญญาแล้วนะ ขอให้ท่านหญิงสุขภาพแข็งแรง แล้วพบกันในพระบรมมหาราชวังนะ" ท่านหญิงประภาพันธุ์ ทรงเล่า
หากจะให้กล่าวถึงเรื่องราวความประทับใจที่มีต่อรัชกาลที่ 10 มีเยอะมากจนไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ ครั้นเมื่องานพระราชพิธีบรมราชาภิเษกที่ผ่านมา ท่านหญิงก็เสด็จไปร่วมพิธีด้วย รู้สึกปลาบปลื้มดีใจเป็นอย่างมากที่พระองค์ทรงครองราชสมบัติสืบราชสันตติวงศ์ เป็นพระมหากษัตริย์ลำดับที่ 10 แห่งราชวงศ์จักรี รัฐบาลจัดงานใหญ่สมพระเกียรติ ข้าราชสำนักปฏิบัติอย่างดียิ่ง น่าชื่นใจ ข้าราชการจัดให้อย่างดียิ่ง
ก่อนจะทิ้งท้ายบทสนทนา ท่านหญิงประภาพันธุ์ มีรับสั่งถึงความน่ารักอ่อนโยนของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี ด้วยว่า "พระองค์ภา ทรงเรียนที่โรงเรียนจิตรลดา ลูกๆ ของดิฉันก็เรียนที่นั้นทั้ง 2 คน หากเมื่อไหร่ที่พบเจอกันเป็นการส่วนพระองค์ พระองค์จะเดินเข้ามาหา มากอด เรียกดิฉันว่ายายชวด ทรงถามเสมอว่า ทำไมไม่เห็นยายชวดเข้ามาในวังหลวงบ้างเลย พระองค์ทรงน่ารักมากๆ ไม่ถือพระองค์ กอดกันกลม เฉกเช่นเดียวกับ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุธนารีนาถ (เสด็จแม่) และสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ได้เห็นมาตั้งแต่ยังเล็กๆ กัน ครอบครัวนี้อบอุ่นน่ารักมาก"
หม่อมเจ้าประภาพันธุ์ ภาณุพันธุ์ หรือ รองศาสตราจารย์ ท่านหญิง ดร.ประภาพันธุ์ กรโกสียกาจ ทรงดำเนินชีวิตเปลี่ยนผ่านมา 4 แผ่นดิน ทรงจดจำเรื่องราวความทรงจำที่สุดแสนประทับใจของพระประยูรญาติทุกพระองค์ได้เป็นอย่างดี ถึงแม้ว่าจะมีชันษา 90 กว่าปีแล้ว แต่สุขภาพร่างกายยังแข็งแรงดี เพราะได้ดูแลตัวเองอยู่เสมอตามที่ทรงเคยให้คำมั่นกับ "พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว" พระมหากษัตริย์ รัชกาลที่ 10 แห่งราชวงศ์จักรี"
Cr.ภาพถ่ายส่วนพระองค์ หม่อมเจ้าประภาพันธุ์ ภาณุพันธุ์ ประทานให้ นางสาวกันต์ปินัทธ์ สถิรกุล ใช้ในการประกอบเรื่องราว