พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า โปรดกระหม่อมประกาศเฉลิมพระปรมาภิไธยพระบรมอัฐิสมเด็จพระบรมชนกนาถ เป็น “พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร” ถวายพระเกียรติสูงสุดเป็น “มหาราช” และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้เฉลิมพระนามาภิไธย สมเด็จพระบรม ราชชนนี ขึ้นเป็นสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรม ราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และทรง พระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานเหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 10 ชั้นที่ 1 โปรดเกล้าฯให้เฉลิมพระนามาภิไธย สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เป็น สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ และพระราชทาน เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 10 ชั้นที่ 1 และมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯประกาศสถาปนาพระบรมวงศา นุวงศ์ รวมทั้งหมด 10 พระองค์

อีกหนึ่งพระราชพิธีสำคัญที่มีขึ้นในวันที่ 5 พฤษภาคม อันเป็นพระราชพิธีวันที่สองของพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 ที่ถือเป็นประวัติศาสตร์แผ่นดินที่ต้องจารึกไว้ คือพระราชพิธีเฉลิมพระปรมาภิไธย พระนามาภิไธย และสถาปนาพระฐานันดรศักดิ์พระบรมวงศานุวงศ์ อันเป็นพระราชประเพณีเมื่อมีการผลัดแผ่นดินเปลี่ยนรัชกาลใหม่ ที่มีประชาชนชาวไทยทั่วประเทศเฝ้าคอยชมพระราช พิธีนี้ด้วยหัวใจที่สุดจงรักภักดี

เฉลิมปรมาภิไธยพระบรมราชชนก “มหาราช”

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 5 พ.ค. พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดาพระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินจากพระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน ไปยังพระที่นั่งไพศาลทักษิณ เสด็จออกพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ทางพระทวารเทวราชมเหศวร แล้วประทับพระราชอาสน์ โดยมีพระบรมวงศานุวงศ์ ทุกพระองค์เข้าเฝ้า

จากนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้อาลักษณ์อ่านประกาศกระแสพระบรมราชโองการ เฉลิมพระปรมาภิไธย พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหา ภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เป็น “พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร” พระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา ชาวพนักงานประโคมฆ้องชัย สังข์ แตร ดุริยางค์ พระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเชิญพานพระสุพรรณบัฏ หน้าพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกา ธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร แล้วถวายบังคมหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรฯ

สมเด็จแม่ “พระบรมราชชนนีพันปีหลวง”

ลำดับต่อมาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้อาลักษณ์อ่านประกาศกระแสพระบรมราชโองการเฉลิมพระนามาภิไธย สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 เป็น “สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง” แล้วพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว เชิญพานพระสุพรรณบัฏถวายหน้าพระฉายาลักษณ์และถวายบังคมหน้าพระบรมฉายา ลักษณ์ “สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง”

สถาปนาสมเด็จพระเทพฯ “กรมสมเด็จ”

จากนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้อาลักษณ์ อ่านประกาศกระแสพระบรมราชโองการ เฉลิมพระนามาภิไธย สมเด็จ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เป็น “สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร มหาวชิราลงกรณวรราชภักดี สิริกิจการิณีพีรยพัฒน รัฐสีมาคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี” จากนั้นสมเด็จพระ กนิษฐาธิราชฯ “ทรงเข้าเฝ้าฯหน้าพระราชอาสน์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานน้ำพระมหาสังข์ ใบมะตูม ทรงเจิม พระราชทานพระสุพรรณบัฏและเหรียญรัตนาภรณ์ ร.10 ชั้นที่ 1

ชื่นชมพระราชินีพระจริยวัตรงาม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ทรงเข้าเฝ้าหน้าพระราชอาสน์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนั้น สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พระบรมราชินี ทรงลงจากพระเก้าอี้ที่ประทับ มาประทับนั่งกับพื้น พร้อมทรงก้มกราบ กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ นับเป็นพระจริยวัตรที่งดงาม สร้างความตื้นตันใจและเป็นที่ประทับใจแก่พสกนิกรที่เฝ้าชมการถ่ายทอดสด

สถาปนา “สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอฯ”

ต่อจากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรง พระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้อาลักษณ์อ่านประกาศกระแสพระบรมราชโองการเฉลิมพระนามสมเด็จ พระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารีเป็น “สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณ วลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี” สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอฯ ทรงเข้าเฝ้า เข้ารับพระราชทานน้ำพระมหาสังข์ใบมะตูม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจิมและพระราชทานพระสุพรรณบัฏ เหรียญรัตนาภรณ์ ร.10 ชั้นที่ 1

พระองค์โสมฯเป็น “กรมหมื่นสุทธนารีนาถ”

ลำดับต่อมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้อาลักษณ์อ่านประกาศกระแสพระบรมราชโองการ เฉลิมพระนาม พระเจ้า วรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดา มาตุ เป็น “พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ” จากนั้นพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลีฯ เข้าเฝ้าฯหน้าพระราชอาสน์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานน้ำพระมหาสังข์ใบมะตูม ทรงเจิม พระบาทสมเด็จพระเจ้า อยู่หัว พระราชทานพระสุพรรณบัฏเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นโบราณมงคลนพรัตน์ราชวราภรณ์ และเหรียญรัตนาภรณ์ ร.10 ชั้นที่ 1

พระองค์ภาทรงเป็น “สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ”

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณา โปรดเกล้าฯ ให้อาลักษณ์อ่านประกาศกระแสพระบรมราชโองการ เฉลิมพระนาม พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา เป็น “สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี” แล้วสมเด็จ พระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ ทรงเข้าเฝ้าฯ หน้าพระราชอาสน์ รับพระราชทานน้ำพระมหาสังข์ ใบมะตูม ทรงเจิม รับพระราชทานพระสุพรรณบัฏ เครื่องขัตติยราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติคุณรุ่งเรืองยิ่งมหาจักรีบรมราชวงศ์และเหรียญรัตนาภรณ์ ร.10 ชั้นที่ 3

เฉลิมพระนาม “เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี”

จากนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรง พระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้อาลักษณ์อ่านประกาศกระแสพระบรมราชโองการ เฉลิมพระนาม พระเจ้า หลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ เป็น “สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา” แล้วสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ เข้าเฝ้าฯหน้าพระราชอาสน์ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระ ราชทานน้ำพระมหาสังข์ ใบมะตูม ทรงเจิมและพระราชทานพระสุพรรณบัฏเครื่องขัตติยราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติคุณรุ่งเรืองยิ่งมหาจักรีบรมราชวงศ์และเหรียญรัตนาภรณ์ ร.10 ชั้นที่ 1

“พระองค์ที” พระเจ้าลูกยาเธอ

ลำดับต่อมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้อาลักษณ์อ่านประกาศกระแสพระบรมราชโองการ เฉลิมพระนามพระเจ้า หลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ เป็น “สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรต ตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร” จากนั้นสมเด็จพระเจ้า ลูกยาเธอฯ ทรงเข้าเฝ้าฯหน้าพระราชอาสน์ พระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานน้ำพระมหาสังข์ ใบมะตูม ทรงเจิมและพระราชทานพระสุพรรณบัฏเครื่องขัตติยราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติคุณรุ่งเรืองยิ่งมหาจักรีบรมราชวงศ์ และเหรียญรัตนาภรณ์ ร.10 ชั้นที่ 1

เปลี่ยนคำนำพระนามพระเจ้าหลาน 2 พระองค์

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณา โปรดเกล้าฯ ให้อาลักษณ์อ่านประกาศกระแสพระบรมราชโองการ เฉลิมพระนามพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ เป็น “พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์” และเฉลิมพระนามพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ เป็น “พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ”

พระเทพฯทรงนำถวายพระพรชัยมงคล

จากนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรับดอกไม้ธูปเทียนแพจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ทรงเข้าเฝ้าถวายพระพรในนามพระบรมวงศานุวงศ์ ตามด้วย พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี เข้าเฝ้าฯทูลเกล้าฯถวายดอกไม้ธูปเทียนแพ ในนามคณะองคมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ทูลเกล้าฯ ถวายดอกไม้ธูปเทียนแพ ในนามคณะรัฐมนตรี ทหาร ตำรวจและข้าราชการพลเรือน นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ทูลเกล้าฯถวายดอกไม้รูปเทียนแพ ในนามสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ นายชีพ จุลมนต์ ประธานศาลฎีกา ทูลเกล้าฯถวายดอกไม้ธูปเทียนแพ ในนามข้าราชการตุลาการ พล.อ.อ.สถิตย์พงษ์ สุขวิมล ประธานข้าราชบริพารในพระองค์ เข้าเฝ้าฯทูลเกล้าฯถวายดอกไม้ธูปเทียนแพ ในนามข้าราชบริพารในพระองค์

พระสังฆราชถวายพระธรรมเทศนา

เสร็จแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงไปประเคนภัตตาหารแด่สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้พระราชวงศ์ องคมนตรีประเคนสำรับภัตตาหารแด่พระสงฆ์รูปต่อไปตามลำดับ หลังรับพระราชทานฉันเสร็จแล้ว สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ถวายศีลและถวายพระธรรมเทศนาเรื่อง “ทศพิธราชธรรมจริยถิกถา” พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรมบูชากัณฑ์เทศน์ ทรงหลั่งทักษิโณทก เสด็จออกจากพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ขึ้นพระที่นั่งไพศาลทักษิณ ทางพระทวารเทวราชมเหศวร แล้วเสด็จฯไปประทับพักพระราชอิริยาบถ ที่พระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน

“องค์ภา” สวมกอดพระมารดา

ในการนี้ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ได้เสด็จฯมาร่วมพระราชพิธีด้วยแม้ว่ายังทรงพระประชวรและภายหลังเสด็จฯถึงท้องพระโรงพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย พระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ได้ทรงเข่าเข้าไปสวมกอดพระมารดาด้วยพระพักตร์ที่ยิ้มแย้ม เป็นภาพที่สร้างความปลื้มปีติประทับใจแก่พสกนิกรที่เฝ้าชมการถ่ายทอดสดพระราชพิธี

ราชกิจจาฯเผยแพร่ฐานันดรพระราชวงศ์

ช่วงเย็นวันเดียวกัน เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ ประกาศเฉลิมพระปรมาภิไธยหลายฉบับ ประกอบด้วย ประกาศเฉลิมพระปรมาภิไธย พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มีเนื้อหาว่า พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ประกาศว่า โดยที่ทรงพระราชอนุสรณ์ คำนึงถึงสมเด็จพระบรมชนกนาถ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร ซึ่งได้ทรงรับพระราชภาระสืบราชสันตติวงศ์เป็นพระมหากษัตริย์ รัชกาลที่ 9 ดำรงพระองค์เป็นมิ่งขวัญของพสกนิกรชาวไทย ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจน้อยใหญ่นานัปการ เป็นคุณประโยชน์อเนกอนันต์ จนกระทั่งเสด็จสวรรคต เมื่อวันที่ 13 ต.ค. พ.ศ.2559

เทิดพระเกียรติพระบรมชนกนาถ

แม้ระยะเวลาจะล่วงเลยมาจวบจนปัจจุบัน แต่เหล่าพสกนิกรก็ยังคงคำนึงถึงพระมหากรุณาธิคุณเสมอมา ในศุภสมัยอันเป็นมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษกนี้ สมควรจะได้สนองพระเดชพระคุณถวายพระเกียรติยศให้ปรากฏแผ่ไพศาลยิ่งขึ้น ด้วยมีพระราชหฤทัยระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระบรมชนกนาถ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้เฉลิมพระปรมาภิไธย พระบรมอัฐิสมเด็จพระบรมชนกนาถ ตามที่จารึกในพระสุพรรณบัฏว่า พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ขอให้พระเกียรติคุณ วิบุลยยศปรากฏแผ่ไพศาลไปในสากลจักรวาล จิรัฏฐิติกาล ตลอดนิจนิรันดร์ เทอญ

ระลึกถึงพระคุณพระบรมราชชนนี

พร้อมกันนี้ ยังมีการเผยแพร่ ประกาศเฉลิมพระนามาภิไธย สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ประกาศว่า โดยที่ทรง พระราชดำริ ด้วยพระราชหฤทัยประกอบด้วยพระ กตัญญูกตเวทิตา ระลึกถึงพระเดชพระคุณสมเด็จพระบรมราชชนนี อันได้มีมาเป็นล้นพ้นยิ่งกว่าผู้อื่น จึงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้เฉลิมพระนามาภิไธย สมเด็จพระบรม ราชชนนี ตามที่จารึกในพระสุพรรณบัฏว่า สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และถวายเหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 10 ชั้นที่ 1 ขออำนาจแห่งคุณพระศรีรัตนตรัย อำนาจแห่ง พระกตัญญูกตเวทิตาธรรม และเทวดาเจ้าผู้ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย จงบันดาลอภิบาลรักษาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ให้ทรงเจริญพระชนมายุ พรรณ สุข พล ปฏิภาณ คุณสารสมบัติ สรรพสิริสวัสดิ์พิพัฒนมงคล วิบุล ศุภผลมโหฬารธนสารสมบูรณ์ วรเกียรติคุณอดุลยยศ ปรากฏยิ่งยืนนาน ตลอดจิรัฏฐิติกาล เทอญ

เผยแพร่ประกาศเฉลิมพระนามาภิไธย

นอกจากนี้ ในราชกิจจานุเบกษายังได้เผยแพร่ประกาศเฉลิมพระนามาภิไธย สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร มหาวชิราลงกรณวรราชภักดี สิริกิจ การิณีพีรยพัฒน รัฐสีมาคุณากรปิยชาติ สยามบรม ราชกุมารี ประกาศสถาปนา สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ประกาศสถาปนา พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ ประกาศสถาปนาและเฉลิมพระนาม สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี ประกาศสถาปนาและเฉลิมพระนาม สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ประกาศสถาปนาและเฉลิมพระนาม สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร ประกาศเฉลิมพระเกียรติยศและเปลี่ยนคำนำพระนาม พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ ประกาศเฉลิมพระเกียรติยศและคำนำพระนาม พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ