พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนิน ออกพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินี และพระบรมราชวงศ์ เนื่องใน พระราชพิธีเฉลิมพระปรมาภิไธย พระนามาภิไธย สถาปนาพระฐานันดรศักดิ์พระบรมวงศ์
เวลา 09.00 น.วันที่ 5 พ.ค. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินจากพระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน ไปยังพระที่นั่งไพศาลทักษิณ เสด็จออกพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ทางพระทวารเทวราชมเหศวร แล้วประทับพระราชอาสน์ โดยมีพระบรมวงศานุวงศ์ ทุกพระองค์เข้าเฝ้าฯ
จากนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้อาลักษณ์ อ่านประกาศกระแสพระบรมราชโองการ เฉลิมพระปรมาภิไธย พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เป็น “พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร” พระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา ชาวพนักงานประโคมฆ้องชัย สังข์ แตร และดุริยางค์แล้วพนักงานอาลักษณ์เชิญพาน พระสุพรรณบัฏ หน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร
สถาปนาสมเด็จพระบรมราชชนนี
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้อาลักษณ์อ่านประกาศกระแสพระบรมราชโองการเฉลิมพระนามาภิไธย สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 เป็น “สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง” จากนั้นอาลักษณ์เชิญพานพระสุพรรณบัฏ ถวายหน้าพระฉายาลักษณ์ พระประวัติสมเด็จพระศรีสิริกิติ์พระบรมราชชนนี พระนามเดิม “หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากร” ทรงเข้าพระราชพิธีราชาภิเษกสมรสกับ พระมหากษัตริย์ รัชกาลที่ 9 เมื่อวันที่ 28 เม.ย.2493 และมีพระบรมราชโองการประกาศสถาปนาขึ้นเป็น “สมเด็จพระราชินีสิริกิติ์” จากนั้น วันที่ 5 พ.ค. 2493 ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้เฉลิมพระราชอิสริยยศ เป็นสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินี ในเดือน ต.ค.2499 รัชกาลที่ 9 ทรงพระผนวช และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ จนได้รับโปรดเกล้าฯ เฉลิมพระอภิไธย เป็น สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถพระองค์ที่ 2 ของประเทศไทย
พระนามาภิไธยใหม่สมเด็จพระเทพฯ
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้อาลักษณ์ อ่านประกาศกระแสพระบรมราชโองการ เฉลิมพระนามาภิไธย สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เป็น “สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร มหาวชิรลงกรณวรราชภักดี สิริกิจการิณีพีรยพัฒน รัฐสีมาคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี” เข้าเฝ้าฯ หน้าพระราชอาสน์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รับพระราชทานน้ำพระมหาสังข์ ใบมะตูม ทรงเจิม พระราชทานพระสุพรรณบัฏและเหรียญรัตนาภรณ์ ร.10 ชั้นที่ 1 พระประวัติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา พระขนิษฐภคินี ทรงเป็นพระราชธิดาพระองค์รอง ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระนามเดิมว่า สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิรินธรเทพรัตนสุดา กิติวัฒนาดุลโสภาคย์ ในการพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธ.ค.2520 รัชกาลที่ 9 มีพระบรมราชโองการประกาศสถาปนา ขึ้นเป็น “สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี” ด้วยทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจอันเป็นประโยชน์แก่แผ่นดินและราษฎร นับเป็นสมเด็จเจ้าฟ้าหญิงพระองค์แรก ที่ทรงดำรงพระราชอิสริยยศ “สยามบรมราชกุมารี” แห่งราชวงศ์จักรี
พระเจ้าน้องนางเธอ จุฬาภรณวลัยลักษณ์
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้อาลักษณ์อ่านประกาศกระแสพระบรมราชโองการเฉลิมพระนามสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณอัครราชกุมารีเป็น “สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี” เข้าเฝ้าฯ เข้ารับพระราชทานน้ำพระมหาสังข์ใบมะตูม ทรงเจิม พระราชทานพระสุพรรณบัฏและเหรียญรัตนาภรณ์ ร.10 ชั้นที่ 1 “สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี” ทรงเป็นพระราชธิดาพระองค์เล็กในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ โดยทรงดำรงพระอิสริยยศ “สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้า”
พระราชทานพระยศพระองค์โสมฯ
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้อาลักษณ์อ่านประกาศกระแสพระบรมราชโองการ เฉลิมพระนามพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ เป็น "พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ" จากนั้นเข้าเฝ้าฯ หน้าพระราชอาสน์ พระราชทานน้ำพระมหาสังข์ใบมะตูม ทรงเจิม แล้วพระราชทานพระสุพรรณบัฏเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นโบราณมงคลนพรัตน์ราชวราภรณ์ และเหรียญรัตนาภรณ์ ร.10 ชั้นที่ 1 พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ พระนามเดิม หม่อมหลวงโสมสวลี กิติยากร เมื่อวันที่ 3 ม.ค.2520 รัชกาลที่ 9 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดพระราชพิธีอภิเษกสมรสกับสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร และมีพระบรมราชโองการสถาปนาให้ดำรงฐานันดรศักดิ์แห่งพระราชวงศ์ เป็นพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรชายาในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ต่อมา ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้เฉลิมพระนามเป็น พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ วันที่ 12 ส.ค.2534
พระองค์ภาทรงเป็น “สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ”
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้อาลักษณ์อ่านประกาศกระแสพระบรมราชโองการ เฉลิมพระนามพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา เป็น “สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี” เข้าเฝ้าฯ หน้าพระราชอาสน์ รับพระราชทานน้ำพระมหาสังข์ ใบมะตูม ทรงเจิม รับพระราชทานพระสุพรรณบัฏ เครื่องขัตติยราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติคุณรุ่งเรืองยิ่งมหาจักรีบรมราชวงศ์และเหรียญรัตนาภรณ์ ร.10 ชั้นที่ 3 พระประวัติ พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ทรงเป็นพระธิดาในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ครั้งดำรงพระยศเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระมารดาพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระบรมราชาทิดามาตุ ทรงมีฐานันดรศักดิ์เป็นพระเจ้าหลานเธอพระองค์ใหญ่ในพระมหากษัตริย์ รัชกาลที่ 9
เฉลิมพระนามเจ้าฟ้าสิริวัณณวรี
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้อาลักษณ์อ่านประกาศกระแสพระบรมราชโองการ เฉลิมพระนามพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ เป็น “สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา” เข้าเฝ้าฯ หน้าพระราชอาสน์ รับพระราชทานน้ำพระมหาสังข์ใบมะตูม ทรงเจิม แล้วพระราชทานพระสุพรรณบัฏเครื่องขัตติยราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติคุณรุ่งเรืองยิ่งมหาจักรีบรมราชวงศ์และเหรียญรัตนาภรณ์ ร.10 ชั้นที่ 1 พระประวัติสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรีนารีรัตนราชกัญญา ทรงเป็นพระธิดาในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ครั้งเมื่อดำรงพระราชอิสริยยศ เป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระนามเดิมหม่อมเจ้าสิริวัณวรี มหิดล เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน พุทธศักราช 2548 รัชกาลที่ 9 มีพระบรมราชโองการสถาปนาให้ดำรงฐานันดรศักดิ์แห่งพระราชวงศ์ขึ้นเป็นพระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้า
“องค์ที” พระเจ้าลูกยาเธอ
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้อาลักษณ์อ่านประกาศกระแสพระบรมราชโองการ เฉลิมพระนามพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ เป็น “สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร” เข้าเฝ้าฯ หน้าพระราชอาสน์ รับพระราชทานน้ำพระมหาสังข์ใบมะตูม ทรงเจิม แล้วพระราชทานพระสุพรรณบัฏเครื่องขัตติยราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติคุณรุ่งเรืองยิ่งมหาจักรีบรมราชวงศ์ และเหรียญรัตนาภรณ์ ร.10 ชั้นที่ 1 สำหรับพระประวัติทรงเป็นพระโอรสในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ครั้งเมื่อดำรงพระราชอิสริยยศ เป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระนามเดิมว่า พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ พระมหากษัตริย์ รัชกาลที่ 9 มีพระบรมราชโองการพระราชทานพระราชหัตถเลขาขนานพระนามว่า พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ เมื่อวันที่ 15 มิ.ย.2548
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้อาลักษณ์อ่านประกาศกระแสพระบรมราชโองการ เฉลิมพระนามพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ เป็น “พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์” และเฉลิมพระนามพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ เป็น “พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ” พระประวัติของทั้งสองพระองค์ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ ทรงเป็นพระธิดาพระองค์ใหญ่ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ ทรงเป็นพระธิดาองค์เล็ก ใน“สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี พระขนิษฐภคินี รัชสมัยของรัชกาลที่ 9 ทรงมีพระบรมราชโองการสถาปนา ทั้งสองพระองค์ให้ดำรงฐานันดรศักดิ์เป็น พระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าตั้งแต่ประสูติ
พระเทพฯทรงนำถวายธูปเทียนแพ
จากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงรับดอกไม้ธูปเทียนแพ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร มหาวชิรลงกรณวรราชภักดี สิริกิจการิณีพีรยพัฒน รัฐสีมาคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี เข้าเฝ้าฯ ทรงเปิดกรวยกระทง ดอกไม้ธูปเทียนแพ และทูลเกล้าฯ ถวายดอกไม้ธูปเทียนแพ ในนามพระบรมวงศานุวงศ์ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี เข้าเฝ้าฯ ทูลเกล้าฯ ถวายดอกไม้ธูปเทียนแพ ในนามคณะองคมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ทูลเกล้าฯ ถวายดอกไม้ธูปเทียนแพ ในนามคณะรัฐมนตรี ทหาร ตำรวจและข้าราชการพลเรือน นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ทูลเกล้าฯ ถวายดอกไม้รูปเทียนแพ ในนามสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ นายชีพ จุลมนต์ ประธานศาลฎีกา ทูลเกล้าฯ ถวายดอกไม้ธูปเทียนแพ ในนามข้าราชการตุลาการพล.อ.อ.สถิตย์พงษ์ สุขวิมล ประธานข้าราชบริพารในพระองค์ เข้าเฝ้าฯ ทูลเกล้าฯ ถวายดอกไม้ธูปเทียนแพ ในนามข้าราชบริพารในพระองค์
พระสังฆราชถวายพระธรรมเทศนา
ทรงประเคนภัตตาหารแด่ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก รับพระราชทานฉันเสร็จแล้ว สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ถวายศีลและถวายพระธรรมเทศนา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรมบูชากัณฑเทศน์ ทรงหลั่งทักษิโณทก เสด็จออกจากพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ขึ้นพระที่นั่งไพศาลทักษิณ ทางพระทวารเทวราชมเหศวร แล้วเสด็จฯ ไปประทับพักพระราชอิริยาบถ ที่พระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน