ความหมายอันทรงคุณค่าของ “น้ำมุรธาภิเษก” และ “น้ำอภิเษก” จากแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ 117 แหล่งทั่วประเทศ เป็นครั้งแรกที่ใช้น้ำจาก 76 จังหวัด และ กทม. เพื่อแสดงถึงการมีส่วนร่วมของประชาชนทั่วประเทศ ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ในหลวง ร. 10 พิธีอันเป็นมหามงคลยิ่งของแผ่นดินไทย ซึ่งว่างเว้นมา 69 ปี...
ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก วันที่ 4 พ.ค. 2562 เป็นพระราชพิธีเบื้องกลาง ในการประกอบพระราชพิธีจะใช้ “น้ำมุรธาภิเษก” และ “น้ำอภิเษก” ซึ่งเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์จาก 76 จังหวัดทั่วประเทศไทย และ กทม. ที่ได้ทำพิธีเสกน้ำรวม ณ วัดสุทัศนเทพวราราม เมื่อวันที่ 18 เม.ย. 2562 ฤกษ์เวลา 17.16-21.30 น. โดยสมเด็จพระสังฆราช เป็นองค์ประธานฝ่ายสงฆ์ และนายกรัฐมนตรีเป็นประธานฝ่ายฆราวาส
ฤกษ์เวลา 10.09-12.00 น. พระราชพิธีเริ่มด้วยการถวาย “สรงพระมุรธาภิเษก” (สง-พระ-มุ-ระ-ทา-พิ-เสก) ที่ชาลาพระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน เป็นการรดน้ำศักดิ์สิทธิ์เหนือพระเศียร น้ำที่รดเรียกว่า “น้ำมุรธาภิเษก” ซึ่งการสรงน้ำพระมุรธาภิเษก หมายถึง การยกให้ หรือการแต่งตั้งโดยการทำพิธีรดน้ำ ซึ่งตามคติความเชื่อของพราหมณ์ ถือว่าการยกให้เป็นใหญ่ ทรงสิทธิ์อำนาจนั้นจะต้องทำด้วยพิธีรดน้ำศักดิ์สิทธิ์

1.แม่น้ำบางปะกง ตักที่ตำบลพระอาจารย์ อำเภอองครักษ์ จังหวัดนครนายก
2.แม่น้ำป่าสัก ตักที่ตำบลท่าราบ อำเภอเสาไห้ จังหวัดสระบุรี
3.แม่น้ำเจ้าพระยา ตักที่ตำบลบางแก้ว อำเภอเมืองอ่างทอง จังหวัดอ่างทอง
4.แม่น้ำราชบุรี ตักที่บริเวณสามแยกคลองหน้าวัดดาวดึงส์ ตำบลบางช้าง อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม
5.แม่น้ำเพชรบุรี ตักที่บริเวณท่าน้ำวัดไชยศิริ ตำบลสมอพลือ อำเภอบ้านลาด จังหวัดเพชรบุรี รวมทั้งน้ำจากสระน้ำศักดิ์สิทธิ์อีก 4 สระในจังหวัดสุพรรณบุรี ได้แก่ สระเกษ สระแก้ว สระคา สระยมนา

"น้ำสรงมุรธาภิเษก” และ “น้ำอภิเษก” เป็นน้ำที่ตักจากแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ และผ่านการทำ "พิธีพลีกรรมตักน้ำ" ซึ่งเป็นพิธีกรรมทางศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ตามความเชื่อว่า สิ่งต่างๆ บนโลก ล้วนมีเทวดาปกป้อง ดูแลรักษา การจะทำสิ่งใดๆ ต้องขออนุญาตเทวดาที่ดูแลรักษาสิ่งนั้นๆ การทำพิธีพลีกรรมตักน้ำ จึงเป็นการทำพิธีขออนุญาตเทวดาที่ปกป้องรักษาแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ของแต่ละจังหวัดเพื่อตักน้ำในแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์นั้นมาทำ น้ำอภิเษก และน้ำสรงมุรธาภิเษกนั่นเอง

จากนั้นจะนำน้ำศักดิ์สิทธิ์มาเก็บรักษา ณ สถานที่ประกอบพิธีทำน้ำอภิเษกของแต่ละจังหวัด ดังนี้
- พระอุโบสถ จำนวน 44 แห่ง
- อุโบสถ จำวน 3 แห่ง - พระวรวิหาร (พิษณุโลก) จำนวน 1 แห่ง
- วิหาร จำนวน 3 แห่ง - พระมณฑป จำนวน 1 แห่ง
- พระมหาธาตุ (ขอนแก่น) จำนวน 1 แห่ง
โดยวันที่ 8 เม.ย. 2562 จัดพิธีทำน้ำอภิเษก และน้ำสรงมุรธาภิเษก เริ่มเวลา 17.00 น. ประธานสงฆ์ประกาศชุมนุมเทดา และฤกษ์เวลา 17.10-22.00 น. ประธานสงฆ์จุดเทียนชัย และเจริญพุทธมนต์ ต่อมาในวันอังคารที่ 9 เม.ย. 2562 เวลา 12.00 น.จะบรรจุ “น้ำอภิเษก” และ “น้ำสรงมุรธาภิเษก” ลงใน “คนโทน้ำศักดิ์สิทธิ์” และทำพิธีเวียนเทียนสมโภชน้ำอภิเษก

ต่อมาในวันที่ 18 เม.ย. 2562 เวลา 08.30 น. จะจัดริ้วขบวนอัญเชิญคนโทน้ำอภิเษก จำนวน 86 ใบ จากกระทรวงมหาดไทยไปยังวัดสุทัศนเทพวราราม และช่วงเวลา 17.19-21.30 น. จะจัดพิธีเสกน้ำอภิเษกรวม โดยมีสมเด็จพระสังฆราชเป็นประธานฝ่ายสงฆ์ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานฝ่ายฆราวาส จัดทำน้ำสรงอภิเษก ประกอบด้วย น้ำพระพุทธมนต์และน้ำเทพมนต์ ซึ่งพิธีเสกน้ำอภิเษกรวม จะทำพิธีเสกน้ำเทพมนต์ก่อน โดยพิธีเสกสวดคาถาเทพมนต์ ประกาศชุมนุมเทวดา เพื่อประสิทธิ์ประสาทชัยมงคล บังเกิดความศักดิ์สิทธิ์ตามธรรมเนียมของศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ก่อนเชิญมาประกอบพิธีเสกน้ำพระพุทธมนต์ โดยพระสงฆ์ร่วมเจริญพระพุทธมนต์

ทั้งนี้ “น้ำอภิเษก” และ “น้ำสรงมุรธาภิเษก” จากแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ 117 แหล่งทั่วประเทศในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกของในหลวง ร.10 เป็นครั้งแรกที่มีการใช้น้ำจาก 77 จังหวัด เพื่อแสดงถึงการมีส่วนร่วมของประชาชนทุกจังหวัดทั่วประเทศ ในพิธีอันเป็นมหามงคลยิ่งของแผ่นดินไทยในครั้งนี้ ซึ่งว่างเว้นมา 69 ปี
ที่มา : ส่วนหนึ่งจากเอกสาร คณะกรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์งานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก และการบรรยาย โดย นายพรพจน์ เพ็ญพาส รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ในการอบรมสื่อมวลชนงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก วันพุธที่ 27 มี.ค. 2562 ณ หอประชุมกรมประชาสัมพันธ์