ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อบ่ายวันที่ 27 ก.พ. นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการฝ่ายพิธีการงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ครั้งที่ 2/2562 ว่า มีหลายเรื่องที่ได้รับพระราชวินิจฉัยลงมาแล้วสามารถดำเนินการต่อได้ สำหรับคณะอนุกรรมการฝ่ายพิธีในเรื่องพิธีตักน้ำศักดิ์สิทธิ์จากสถานที่ต่างๆทั่วประเทศ 108 แห่ง ที่กระทรวงมหาดไทยเป็นเจ้าภาพจัดการได้เรียบร้อย แม้กระทั่งเรื่องคนโทที่เตรียมบรรจุก็เรียบร้อยดี เรื่องตราสัญลักษณ์ได้ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายไปประมาณ 6-7 แบบ และทรงมีพระราชวินิจฉัยลงมาแล้วแบบหนึ่ง โดยได้ทรงปรับปรุงแก้ไขมีความหมายที่สวยสด งดงาม เมื่อได้รับหนังสือยืนยันเป็นทางการจะดำเนิน การนำไปใช้เป็นตราติดคนโทบรรจุน้ำอภิเษกและใช้ทำเป็นซุ้มตามถนนหนทางต่างๆ ทั้งในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด ที่สำคัญจะใช้เป็นธงที่จะประดับตลอดงานพระราชพิธี รวมทั้งที่จะใช้พิมพ์บนเสื้อสีเหลือง
นายวิษณุกล่าวว่า ขอเชิญชวนประชาชนให้แต่งกายด้วยเสื้อสีเหลืองที่มีตราสัญลักษณ์รัชกาลใหม่ แต่หากมีเสื้อสีเหลืองตัวเก่าอยู่แล้วก็นำมาใช้ได้ และเชิญชวนให้แต่งในช่วง 4 เดือน คือ เม.ย. - ก.ค.เพราะเดือน เม.ย.และ พ.ค.มีพระราชพิธี เดือน ก.ค.เป็นเดือนเฉลิมพระชนมพรรษา จึงเชิญชวนให้ใส่เสื้อเหลืองกันต่อเนื่องทั้ง 4 เดือน และสำนักนายกรัฐมนตรีจะจัดทำเสื้อดังกล่าวจำหน่ายเป็นต้นแบบต่อไป ส่วนคนอื่นใครจะทำก็ได้แต่ต้องขออนุญาตใช้ตราสัญลักษณ์ให้ถูกต้อง โดยจะมีการเผยแพร่ในเร็วๆนี้ เพราะมีพระราชวินิจฉัยแล้วและจะได้มีหนังสือยืนยันถึงนายกรัฐมนตรีต่อจากนั้นสามารถดำเนินการได้
นายวิษณุกล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องเข็มจะมีอยู่ 2 อย่างคือเข็มที่ระลึกพระราชทานให้แก่ผู้ปฏิบัติงานใช้ประดับปกเสื้อ เป็นเข็มพระราชทาน กับอีกอย่างหนึ่งคือเข็มตราสัญลักษณ์พระราชพิธี ที่รัฐบาลขอ พระราชทานมาจัดทำเพื่อจำหน่ายให้ประชาชนทั่วไป ที่ไม่ได้รับพระราชทานให้ได้มีโอกาสซื้อหาเข็มรายได้ทั้งหมดนำขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อม ถวายโดยเสด็จพระราชกุศลตามพระราชอัธยาศัย
นายวิษณุกล่าวด้วยว่า ที่ประชุมยังได้หารือกันถึงกำหนดการในพระราชพิธีตั้งแต่วันที่ 2-6 พ.ค.วันไหนมีพิธีอย่างไร การเข้าเฝ้า ควรเป็นอย่างไร มีรายละเอียดของจำนวนเก้าอี้ที่นั่งอย่างไร จำกัดอย่างไรเพื่อให้เป็นไปตามกฎและกติกา รวมทั้งมีการหารือถึงเรื่องเสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนคร ในขบวนพยุหยาตราทางสถลมารค โดยเสด็จฯออก จากพระบรมมหาราชวัง ไปยังวัดบวรนิเวศวิหาร วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม และเสด็จฯกลับพระบรมมหาราชวังทั้งหมดระยะทางประมาณ 7 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง บวกระยะเวลาที่จะประทับอยู่ในวัดต่างๆ ประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที รวมแล้วทั้งหมดจะใช้เวลา ประมาณ 4 ชั่วโมง 30 นาที
ถือเป็นกระบวนพยุหยาตราใหญ่ที่จะมีในวันที่ 5 พ.ค.และหารือรวมไปถึงขบวนพยุหยาตราทางชลมารคที่จะมีช่วงปลายเดือน ต.ค. หน้ากฐินจะมีขบวนเรือพระที่นั่งและเรือรูปสัตว์ ต่างๆออกจากท่าวาสุกรี ไปยังวัดอรุณราชวรารามเพื่อถวายผ้าพระกฐิน และเสด็จฯกลับเพื่อมาขึ้นที่ท่าราชวรดิษฐ์ ทั้งหมดจะเป็นระยะทางประมาณ 4 กิโลเมตรครึ่ง มีพลพาย 2,200 คน ประจำเรือทั้งหมด 52 ลำ เต็มแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นขบวนพยุหยาตราที่ยิ่งใหญ่อีกครั้งหนึ่ง ที่ปวงชนชาวไทยจะมีโอกาสได้เห็นกัน